tag:blogger.com,1999:blog-28244710925538215432024-03-05T15:26:29.287-08:00เปตอง สงขลา.“PETANQUE SONGKHLA CHAMPIONSHIP”เปตอง สงขลาAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.comBlogger40125tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-69750096836967964902012-11-20T02:24:00.002-08:002012-11-20T02:24:49.508-08:00ประวัติเปตอง<h1 align="center">
<span style="font-weight: 400;">ประวัติเปตอง</span></h1>
<div align="center">
<img border="0" height="249" src="http://www.baanjomyut.com/library_2/extension-1/image2555/image_1/166.jpg" width="395" /><br /></div>
<span lang="en-us"> </span>เปตองเป็นกีฬากลางแจ้งประเภทหนึ่งซึ่ง
มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ประวัติที่แน่นอนไม่มีการบันทึกไว้
แต่มีหลักฐานจากการเล่าสืบต่อๆ กันมาว่า กำเนิดขึ้นครั้งแรกในประเทศกรีซ
เมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล
โดยเก็บก้อนหินที่เป็นทรงกลมจากภูเขาและใต้ทะเลมาเล่นกัน
ต่อมากีฬาประเภทนี้ได้แพร่หลายเข้ามาในทวีปยุโรป
เมื่ออาณาจักรโรมันครองอำนาจและเข้ายึดครองดินแดนของชนชาวกรีกได้สำเร็จ
ชาวโรมันได้ใช้การกีฬาประเภทนี้เป็นเครื่องทดสอบกำลังข้อมือและกำลังกายของ
ผู้ชายในสมัยนั้น
<br /><br />ต่อมาเมื่ออาณาจักรโรมันเข้ายึดครองดินแดนชาวโกลหรือประเทศฝรั่เศส
ในปัจจุบัน
ชาวโรมันก็ได้นำเอาการเล่นลูกบูลประเภทนี้เข้าไปเผยแพร่ทางตอนใต้ของประเทศ
ฝรั่งเศส
การเล่นลูกบูลจึงได้พัฒนาขึ้นโดยเปลี่ยนมาใช้ไม้เนื้อแข็งถากเป็นรูปทรงกลม
แล้วใช้ตะปูตอกรอบๆ เพื่อเพิ่มน้ำหนักของลูกให้เหมาะกับมือ
<br /><br />ในยุคกลางประมาณ ค.ศ. 400-1000
การเล่นลูกบูลนี้จึงเป็นที่นิยมเล่นกันแพร่หลายในประเทศฝรั่งเศษ
ครั้นพอสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
พระองค์ได้ทรงประกาศสงวนกีฬาการเล่นลูกบูลนี้ไว้สำหรับผู้สูงเกียรติ
และให้เล่นได้เฉพาะพระราชสำนักเท่านั้น
<br /><br />ต่อมาในสมัยพระเจ้านโปเลียนมหาราชขึ้นครองอำนาจพระองค์ได้ทรงประกาศ
ใหม่
ให้การเล่นลูกบูลนี้เป็นกีฬาประจำชาติของฝรั่งเศสและเปิดโอกาสให้ประชาชน
ทั่วๆ ไป ได้เล่นกันอย่างเสมอภาคทุกคน
การเล่นลูกบูลนี้จึงได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ตลอดมา เช่น
โดยการนำเอาลูกปืนใหญ่ที่ใช้แล้วมาเล่นกันบ้างอย่างสนุกสนามและเพลิดเพลิน
จนมีการตั้งชื่อเกมกีฬาประเภทนี้ขึ้นมาเล่นอย่างมากมายต่างๆ กัน เช่น
บูลเบร-รอตรอง, บูลลิโยเน่ส์, บูลเจอร์ เดอร์ลอง และบลู-โปรวังซาล เป็นต้น
<br /><br />ในปลายศตวรรษที่ 19
ประเทศฝรั่งเศสก็ได้เป็นประเทศแรกของโลกที่ได้ออกกฎเกณฑ์ข้อบังคับกติกาการ
เล่นกีฬาลูกบูลโปรวังซาลขึ้น โดยให้วิ่ง 3 ก้าวก่อนโยนลูกบูล
การเล่นกีฬาประเภทนี้จึงเป็นที่นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายทั่วไปในประเทศ
ฝรั่งเศส และมีการแข่งขันชิงแชมป์กันขึ้นโดยทั่วไป
<br /><br />จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 ในปี ค.ศ. 1910 ตำบลซิโอต้าท์
เมืองท่ามาร์แชรด์ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส การเล่นกีฬาลูก
บูล-โปรวังซาลได้มีการเปลี่ยนแปลงกติกาการเล่นขึ้นใหม่
โดยนายจูลร์-เลอนัวร์
ซึ่งเป็นผู้มีฝีมือในการเล่นกีฬาลูกบูล-โปรวังซาลเก่งกาจที่สุดในขณะนั้น
และได้เป็นแชมป์โปรวังซาลในยุคนั้นด้วยแต่ได้ประสบอุบัติเหตุอย่างร้ายแรงจน
ขาทั้งสองข้างพิการเดินไม่ได้ไม่สามารถจะเล่นกีฬาโปรวังซาลเหมือนเดิมได้
ต้องนั่งรถเข็นดูเพื่อนๆ เล่นกันอย่างสนุกสนาน
โดยที่ตนเองไม่มีโอกาสได้ร่วมเล่นเลย
<br /><br />วันหนึ่งขณะที่นายจูลร์ เลอนัวร์ ได้นั่งรถเข็นมองดูเพื่อนๆ
เล่นเกมโปรวังซาลอย่างสนุกสนานอยู่นั้น
น้องชายเห็นว่าพี่ชายมีอาการหงอยเหงาเป็นอย่างมาก
น้องชายของเขาจึงได้คิดดัดแปลงแก้ไขกติกาการเล่นขึ้นใหม่
โดยการขัดวงกลมลงบนพื้น แล้วให้ผู้เล่นเข้าไปยืนในวงกลม
ให้ขาทั้งสองยืนชิดติดกัน ไม่ต้องวิ่งเหมือนกีฬาโปรวังซาล
ทั้งนี้โดยมีเพื่อนๆ และญาติของนาย จูลร์ เลอนัวร์
ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ นายจูลร์ เลอนัวร์
จึงได้มีโอกาสร่วมเล่นกีฬาบูล-โปรวังซาล
ที่ดัดแปลงขึ้นใหม่นี้อย่างสนุกสนามและเพลิดเพลินเหมือนเดิม
<br /><br />เกมกีฬาบูล-โปรวังซาล
ที่ดัดแปลงขึ้นใหม่นี้ได้กำหนดขึ้นโดยมีสมาชิกครั้งแรกประมาณ 50 คน
พวกเขาพยายามประชาสัมพันธ์เพื่อเผยแพร่เกมใหม่เป็นเวลาถึง 30 ปี
จึงได้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ หลังจากนั้นก็ได้แพร่หลายเข้าสู่นักกีฬา
นักการเมือง และข้าราชการประจำในราชสำนัก จนในที่สุดก็ได้มีการก่อตั้ง
"สหพันธ์ เปตองและโปรวังซาล" ขึ้นในปี ค.ศ.- 1938
จากนั้นจำนวนสมาชิกก็เพิ่มขึ้นแสนๆ คน มีบุคคลทุกระดับชั้นทุกเพศ
ทุกวัยเข้าเป็นสมาชิก
ลูกบูลที่ใช้เล่นก็มีการคิดค้นทำเป็นลูกโลหะผสมเหล็กกล้า ข้างในกลวง
การเล่นจึงมีความสนุกสนานเร้าใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม
<br /><br />หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1945
การเล่นกีฬาลูกบูล-โปรวังซาลที่ได้ดัดแปลงแก้ไขใหม่นี้ได้รับความนิยมเล่น
มากขึ้น และได้แพร่หลายไปตามหัวเมืองต่างๆ อย่างรวดเร็วทั่วประเทศฝรั่งเศส
ตลอดจนถึงดินแดน อาณานิคมของฝรั่งเศสอีกด้วย
<br />
การเล่นกีฬาลูกบูลนี้ได้แบ่งแยกการเล่นออกได้เป็น 3 ประเภทคือ
<br />
<ol>
<li>ลิโยเน่ล์ </li>
<li>โปรวังชาล (วิ่ง 3 ก้าวแล้วโยน)</li>
<li>เปตอง (ที่นิยมเล่นในปัจจุบัน) </li>
</ol>
กีฬาเปตองจัดแข่งขันชนะเลิศแห่งโลกขึ้นครั้งแรก เมื่อ ค.ศ.-1959
ที่เมืองสปา ประเทศเบลเยียม
นักเปตองจากประเทศฝรั่งเศสได้ครองตำแหน่งชนะเลิศ
<br /><br />ปัจจุบันกีฬาเปตองเป็นที่นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายเกือบทุกประเทศใน
ทวีปยุโรป อเมริกา และเอเชีย สำหรับในประเทศในทวีปเอเชีย
ประเทศไทยนับเป็นประเทศหนึ่งที่มีผู้นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายและกว้างขวาง
มากในปัจจุบันAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-34305658582988308602012-11-20T02:18:00.000-08:002012-11-20T02:21:26.783-08:00วิธีเล่นเปตอง<b>ประวัติเปตอง วิธีเล่นเปตอง</b><br />
<br />
<br />
กีฬาเปตองเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่เรารู้จักกันดี และนิยมเล่นกันแพร่หลายทั่วทุกภาคของประเทศไทย เนื่องจากกีฬาเปตองได้แพร่หลายเข้าสู่ระบบการศึกษาของไทย จากการถูกเลือกให้เป็นกิจกรรมนันทนาการในสถานศึกษา ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งของรัฐและเอกชนได้พิจารณาเห็นว่ากิจกรรมเปตองเป็นกิจกรรมกีฬาและนันทนาการ ที่ส่งเสริมความสามัคคีและลดความเครียดจากภารกิจ หน้าที่การงานได้เป็นอย่างดี จึงทำให้กีฬาชนิดนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น เราจึงมีประวัติและกฏกติกาการเล่นกีฬาเปตองมาฝากกัน ว่าแต่จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย<br />
<br />
ประวัติกีฬาเปตองสากล<br />
<img alt="ประวัติเปตอง วิธีเล่นเปตอง" border="0" class="img-mobile" height="334" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/suttichai/pt1.jpg" style="height: 334px; width: 500px;" width="500" /><br />
<br />
เปตองเป็นกีฬากลางแจ้งประเภทหนึ่งซึ่งมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ประวัติที่แน่นอนนั้นไม่มีการบันทึกไว้ แต่มีหลักฐานจากการเล่าสืบต่อ ๆ กันมาว่า กำเนิดขึ้นครั้งแรกในประเทศกรีซ เมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล โดยเก็บก้อนหินที่เป็นทรงกลมจากภูเขาและใต้ทะเลมาเล่นกัน ต่อมากีฬาเปตองได้แพร่หลายเข้ามาในทวีปยุโรป เมื่ออาณาจักรโรมันครองอำนาจและเข้ายึดครองดินแดนของชนชาวกรีกได้สำเร็จ ชาวโรมันได้ใช้กีฬาประเภทนี้เป็นเครื่องทดสอบกำลังข้อมือและกำลังกายของผู้ชายในสมัยนั้น<br />
<br />
เมื่ออาณาจักรโรมันเข้ายึดครองดิน แดนชาวโกลหรือประเทศฝรั่งเศสในปัจจุบัน ชาวโรมันก็ได้นำเอาการเล่นลูกบูลประเภทนี้เข้าไปเผยแพร่ทางตอนใต้ของประเทศ ฝรั่งเศส การเล่นลูกบูลจึงได้พัฒนาขึ้นโดยเปลี่ยนมาใช้ไม้เนื้อแข็งถากเป็นรูปทรงกลม แล้วใช้ตะปูตอกรอบ ๆ เพื่อเพิ่มน้ำหนักของลูกให้เหมาะกับมือ<br />
<br />
ในยุคกลาง การเล่นลูกบูลนี้เป็นที่นิยมเล่นกันแพร่หลายในประเทศฝรั่งเศส ในสมัยพระเจ้านโปเลียนมหาราชขึ้นครองอำนาจ พระองค์ได้ทรงประกาศให้การเล่นลูกบูลนี้เป็นกีฬาประจำชาติของฝรั่งเศส และเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เล่นกัน การเล่นลูกบูลนี้จึงได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดมา จนมีการตั้งชื่อเกมกีฬาประเภทนี้ขึ้นมาเล่นอย่างมากมายต่าง ๆ กัน เช่น บูลเบร-รอตรอง, บูลลิโยเน่ส์, บูลเจอร์ เดอร์ลอง และบลู-โปรวังซาล เป็นต้น<br />
<br />
ในที่สุดก็ฝรั่งเศสได้มีการก่อตั้ง "สหพันธ์ เปตองและโปรวังซาล" ขึ้นในปี พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) จากนั้นจำนวนสมาชิกก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีบุคคลทุกระดับชั้นทุกเพศ ทุกวัยเข้าเป็นสมาชิก ลูกบูลที่ใช้เล่นก็มีการคิดค้นทำเป็นลูกโลหะผสมเหล็กกล้า ข้างในกลวง การเล่นจึงมีความสนุกสนานเร้าใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การเล่นกีฬาลูกบูล-โปรวังซาลที่ได้ดัดแปลงแก้ไขใหม่นี้ได้รับความนิยมเล่น มากขึ้น และได้แพร่หลายไปตามหัวเมืองต่าง ๆ อย่างรวดเร็วทั่วประเทศฝรั่งเศส ตลอดจนถึงดินแดน อาณานิคมของฝรั่งเศสอีกด้วย<br />
<br />
การเล่นกีฬาลูกบูลนี้ได้แบ่งแยกการเล่นออกได้เป็น 3 ประเภทคือ<br />
<br />
1. ลิโยเน่ล์<br />
<br />
2. โปรวังชาล (วิ่ง 3 ก้าวแล้วโยน)<br />
<br />
3. เปตอง (ที่นิยมเล่นในปัจจุบัน)<br />
<br />
ประวัติเปตอง วิธีเล่นเปตอง<br />
<br />
ประวัติกีฬาเปตองในประเทศไทย<br />
<br />
กีฬาเปตองได้เริ่มเข้ามาในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ 2518 โดยการริเริ่มของ นายจันทร์ โพยหาญ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิก และนำกีฬาเปตองเข้ามาเผยแพร่ให้คนได้รู้จักอย่างเป็นทางการคนแรก แต่ขณะนั้นยังขาดอุปกรณ์การเล่นเปตอง (ลูกบูล) จึงได้ปรึกษาและชักชวนนายดนัย ตรีทัศนาถาวร และนายชัยรัตน์ คำนวณ ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงมากในขณะนั้น เป็นผู้ลงทุนสั่งลูกเปตองเข้ามาจำหน่ายและเผยแพร่ในประเทศไทย<br />
<br />
แต่เปตองเป็นกีฬาที่ใหม่อยู่มากในเมืองไทย ยังมีคนรู้จักน้อย ทำให้ลูกเปตองยังจำหน่ายไม่ได้ แต่นายดนัย ซึ่งเป็นผู้ที่มองการไกล เห็นประโยชน์และความสำคัญของกีฬาเปตอง จึงได้ทำการจ่ายแจกให้แก่ส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ รวมทั้งภาคเอกชนที่สนใจทั่วไป เพื่อเป็นการเชิญชวนให้หันมาเล่นกีฬาประเภทนี้ดูบ้าง<br />
<br />
ต่อมานายจันทร์ ได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากันนายศรีภูมิ สุขเนตร ซึ่งเป็นอดีตนักเรียนเก่าฝรั่งเศส ซึ่งมีความรู้ ความสามารถในเรื่องของกีฬาเปตองเป็นอย่างดี และอีกท่านยังไม่ได้กล่าวนาม ได้ร่วมกันจัดตั้งสมาคมเปตองและโปรวังซาลแห่งประเทศไทยขึ้น เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2519 โดยมีนายศรีภูมิ สุขเนตร เป็นนายกสมาคมคนแรก แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะยังขาดผู้สนับสนุน จนคิดว่าจะล้มเลิกความมุ่งหมายที่จะเผยแพร่ต่อไปอีก<br />
<br />
แต่ต่อมาเมื่อสมเด็จพระศรีนครินทรบรมราชชนนี เสด็จพระราชดำเนินที่เขื่อนห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี เมื่อ พ.ศ. 2521 นายจันทร์ ได้นำอุปกรณ์กีฬาเปตองไปแนะนำวิธีการเล่นให้แก่ข้าราชบริพาร และพระองค์ทรงโปรดปรานมาก ทรงรับสั่งว่า "พระองค์เคยเล่นกีฬาประเภทนี้ตั้งแต่พระองค์พระชนมายุ 30 กว่า กีฬาเปตองมีประโยชน์มากได้ทั้งบริหารร่างกายเพื่อให้มีสุขภาพดี และสร้างสรรค์ความสามัคคีในหมู่คณะซึ่งมีประโยชน์มากมายสำหรับคนไทย ขอให้นายจันทร์ โพยหาญ จงทำหน้าที่ต่อไป พระองค์ช่วงส่งเสริม และเผยแพร่ให้อีกทางหนึ่ง"<br />
<br />
ดังนั้นในวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2527 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับสมาคมเปตอง และโปรวังซาลแห่งประเทศไทย ไว้ในพระราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2530 ได้เปลี่ยนชื่อสมาคมเปตองและโปรวังซาลเป็น "สหพันธ์เปตองแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี" ต่อมาได้แก้ไขข้อบังคับสหพันธ์ฯ เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. การกีฬาแห่งประเทศไทย จึงเปลี่ยนชื่อเป็นสหพันธ์เปตองแห่งประเทศไทยเป็น "สมาคมเปตองแห่งประเทศไทย" เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2543 และได้รับการรับรองจากการกีฬาแห่งประเทศไทย สนับสนุนงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนสมาคมฯ ประจำปีจากรัฐบาลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน และได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหพันธ์เปตองนานาชาติ เป็นประเทศที่ 17 ของโลก<br />
<br />
<br />
<b>วิธีเล่นเปตอง<br /></b><br />
<img alt="ประวัติเปตอง วิธีเล่นเปตอง" border="0" class="img-mobile" height="334" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/suttichai/pt2.jpg" style="height: 334px; width: 500px;" width="500" /><br /><br />
1. เปตองเป็นกีฬาที่เล่นได้กับสนามทุกสภาพ ยกเว้นพื้นคอนกรีตกับพื้นไม้ และพื้นดินที่มีหญ้าขึ้นสูง โดยมีคณะกรรมการจัดการแข่งขันหรือผู้ตัดสินเป็นผู้กำหนด ผู้เล่นทุกทีมต้องเล่นในสนามที่กำหนดให้สำหรับการแข่งขันชิงชนะเลิศระดับชาติและนานาชาติสนามต้องมีขนาดกว้าง 3.50 เมตร และยาว 13 เมตร เป็นอย่างน้อย แต่มีขนาดมาตรฐาน คือ 4 เมตร ยาว 15 เมตร เกมหนึ่งกำหนดให้ใช้ 13 คะแนน สำหรับการแข่งขันในรอบแรกและรอบต่อ ๆ ไป (จะใช้เพียง 11 คะแนนก็ได้) สำหรับชิงชนะเลิศในระดับนานาชาติหรือแห่งชาติให้ใช้ 15 คะแนน<br />
<br />
2. ผู้เล่นทุกคนต้องลงสู่สนามแข่งขันตามเวลาที่กำหนด ให้ทำการเสี่ยงว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายโยนลูกเป้า<br />
<br />
2.1 ผู้เล่นคนใดคนหนึ่งในทีม ซึ่งเป็นฝ่ายชนะในการเสี่ยงเป็นผู้โยนลูกเป้า เมื่อโยนแล้ว เลือกจุดเริ่มต้น แล้วให้เขียนวงกลมบนพื้นมีขนาดพอที่เท้าทั้งสองข้างเข้าไปยืนอยู่ได้ (เส้นผ่าศูนย์กลาง ระหว่าง 0.35-0.50 เมตร) วงกลมนั้นจะต้องห่างจากสิ่งกีดขวางต่าง ๆ และเส้นสนามไม่น้อยกว่า 1 เมตร สำหรับการแข่งขันในสภาพสนามที่ไม่มีขอบเขตของสนาม ให้เขียนวงกลมห่างจากวงกลมของสนามอื่นไม่น้อยกว่า 2 เมตร<br />
<br />
2.2 ผู้ที่เตรียมเล่นจะต้องอยู่ภายในวงกลมห้ามเหยียบเส้นรอบวง ห้ามยกเท้าพ้นพื้น และห้ามออกจากวงกลมก่อนที่ลูกเปตองจะตกลงพื้นส่วนอื่นร่างกายจะถูกพื้นนอกวงกลมไม่ได้เว้นแต่คนขาพิการ ซึ่งได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้วางเท้าข้างเดียวในวงกลมได้ ส่วนนักกีฬาพิการที่ต้องนั่งรถเข็นให้ขีดวงกลมรอบล้อรถเข็นได้ และที่วางเท้าของรถเข็นต้องให้อยู่สูงเหนือขอบวงกลม<br />
<br />
2.3 ผู้เล่นคนหนึ่งคนใดในทีมซึ่งเป็นผู้โยนลูกเป้า ไม่บังคับว่าจะต้องเป็นผู้โยนลูกเปตองลูกแรกเสมอไป<br />
<br />
2.4 ในกรณีที่สนามไม่ดี (ชำรุด) ห้ามผู้เล่นตกลงกันเองแข่งขันสนามอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสิน<br />
<br />
<br />
3. ลูกเป้าที่โยนไปแล้วถือว่าดีต้องมีกฎเกณฑ์ ดังนี้<br />
<br />
3.1 มีระยะห่างระหว่างขอบวงกลมด้านใกล้ที่สุดถึงลูกเป้า<br />
<br />
ก. ไม่น้อยกว่า 4 เมตร และไม่เกิน 8 เมตร สำหรับเด็กเล็ก (อายุไม่เกิน 12 ปี)<br />
<br />
ข. ไม่น้อยกว่า 5 เมตร และไม่เกิน 9 เมตร สำหรับเด็กเล็ก (อายุไม่เกิน 13-14 ปี)<br />
<br />
ค. ไม่น้อยกว่า 6 เมตร และไม่เกิน 10 เมตร สำหรับเยาวชน (อายุไม่เกิน 15-17 ปี)<br />
<br />
ง. ไม่น้อยกว่า 6 เมตร และไม่เกิน 10 เมตร สำหรับผู้ใหญ่ (ไม่จำกัดอายุ)<br />
<br />
3.2 วงกลมต้องอยู่ห่างจากสิ่งกีดขวางต่าง ๆ และเส้นเขตสนาม หรือเส้นฟาล์วไม่น้อยกว่า 1 เมตร<br />
<br />
3.3 ตำแหน่งลูกเป้าต้องอยู่ห่างจากสิ่งกีดขวางต่าง ๆ และเส้นเขตสนามไม่น้อยกว่า 1 เมตร<br />
<br />
3.4 ลูกเป้าจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ขณะยืนตัวตรงอยู่ในวงกลม (ถ้ามีการโต้แย้งในกรณีนี้ให้ผู้ตัดสินเป็นผู้ชี้ขาด)<br />
<br />
3.5 การโยนลูกเป้าในเที่ยวต่อ ๆ ไป ให้เขียนวงกลมรอบตำแหน่งลูกเป้าที่อยู่ในเที่ยวที่แล้วเว้นแต่กรณี ดังนี้<br />
<br />
ก. วงกลมมีระยะห่างจากสิ่งกีดขวางและเส้นสนามน้อยกว่า 1 เมตร ในกรณีนี้ ผู้เล่นต้องเขียนวงกลมให้ห่างจากสิ่งกีดขวางและเส้นเขตสนามที่กติกาได้กำหนดไว้<br />
<br />
ข. โยนลูกเป้าไม่ได้ระยะตามที่กติกากำหนดไว้ แม้จะโยนไปในทิศทางใดก็ตาม กรณีนี้ผู้เล่นสามารถถอยหลังได้ตามแนวตรง (ตั้งฉาก) จากตำแหน่งเดิมของลูกเป้าในเที่ยวที่แล้ว แต่ทั้งนี้วงกลมนั้นจะถอยหลังได้ไม่เกินระยะการโยน ตามที่กติกากำหนดไว้โดยให้นับจากเส้นฟาล์ว (Dead Bal Line) ด้านบนจนถึงเส้นขอบวงกลมด้านใกล้สุด (ถ้าไม่มีเส้นฟาล์ว ให้นับจากเส้นสนามด้านบนจนถึงขอบวงกลม ไม่เกิน 11 เมตร)<br />
<br />
ค. ลูกเป้าที่อยู่ในระยะการโยนหรือเล่นได้ แต่ผู้เล่นฝ่ายที่มีสิทธิ์โยนลูกเป้าไม่ประสงค์จะเล่นในระยะนั้น ๆ กรณีนี้ผู้เล่นสามารถถอยหลังตามแนวตรง (ตั้งฉาก) จากตำแหน่งจากเดิมของลูกเป้าในเที่ยวที่แล้วได้ตามความพอใจ แต่ทั้งนี้วงกลมนั้นจะถอยหลังได้ไม่เกินระยะการโยนตามที่กติกากำหนดไว้โดยให้นับจากเส้นฟาว์ล (Dead Bal Line) ด้านบนจนถึงเส้นขอบวงกลมด้านใกล้สุด (ถ้าไม่มีเส้นฟาล์ว ให้นับจากเส้นสนามด้านบนจนถึงขอบวงกลม ไม่เกิน 11 เมตร)<br />
<br />
ง. ผู้เล่นฝ่ายเดียวกันโยนลูกเป้าไปแล้ว 3 ครั้ง ยังไม่ได้ดีตามกติกากำหนด จะต้องเปลี่ยนให้ผู้เล่นฝ่ายตรงกันข้ามเป็นผู้โยนซึ่งมีสิทธิ์โยนได้ 3 ครั้งเช่นเดียวกัน และอาจย้ายวงกลมถอยหลังได้ตามแนวตรง (ตั้งฉาก) แต่ทั้งนี้วงกลมนั้นจะถอยหลังได้ไม่เกินระยะการโยน ตามที่กติกากำหนดไว้โดยให้นับจากเส้นฟาล์ว (Dead Bal Line) ด้านบนจนถึงเส้นขอบวงกลมด้านใกล้สุด (ถ้าไม่มีเส้นฟาล์วให้นับจากเส้นสนามด้านบนจนถึงขอบวงกลม ไม่เกิน 11 เมตร) วงกลมที่เขียนขึ้นใหม่นั้นจะเปลี่ยนแปลงอีกไม่ได้ แม้ว่าผู้เล่นของทีมหลังนี้จะโยนลูกเป้าไม่ดีทั้ง 3 ครั้ง ก็ตาม<br />
<br />
จ. ถึงแม้ทีมที่โยนลูกเป้า 3 ครั้งแรกโยนได้ไม่ดีตามที่กติกากำหนดก็ตาม แต่ทีมที่โยนลูกเป้าครั้งแรกนั้นยังมีสิทธิ์เป็นฝ่ายโยนลูกเปตองลูกแรกอยู่<br />
<br />
4. ลูกเป้าที่โยนไปแล้วถูกผู้ตัดสิน ผู้เล่น ผู้ดู สัตว์หรือสิ่งที่เคลื่อนที่อื่น ๆ แล้วหยุด ให้นำมาโยนใหม่โดยไม่นับรวมอยู่ในการโยน 3 ครั้งที่ได้กำหนดไว้<br />
<br />
4.1 หลังจากการโยนลูกเป้าและลูกเปตองลูกแรกไปแล้วฝ่ายตรงกันข้ามยังมีสิทธิ์ประท้วงว่าด้วยตำแหน่งของลูกเป้านั้นได้ ให้เริ่มโยนและลูกเปตองใหม่<br />
<br />
4.2 ถ้าฝ่ายตรงกันข้ามได้โยนลูกเปตองไปด้วยแล้ว 1 ลูก ให้ถือว่าตำแหน่งลูกเป้านั้นดี และไม่มีสิทธิ์ประท้วงใด ๆ ทั้งสิ้น<br />
<br />
5. ลูกเป้าที่โยนไปแล้วถือว่าฟาล์ว มี 5 กรณีดังนี้<br />
<br />
5.1 เมื่อลูกเป้าที่โยนไปแล้วไม่ได้ตำแหน่งที่ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในข้อ 7<br />
<br />
5.2 เมื่อลูกเป้าเคลื่อนที่ออกนอกเส้นฟาล์ว แต่ลูกเป้าคาบเส้นยังถือว่าดี ลูกเป้าที่ถือว่าฟาล์ว คือลูกเป้าที่ออกเส้นฟาล์วเท่านั้น<br />
<br />
5.3 เมื่อลูกเป้าเคลื่อนที่ไปแล้ว ผู้เล่นไม่สามารถมองเห็นจากวงกลมตามที่กำหนดไว้ในข้อ 7.4 แต่ถ้าลูกเป้าถูกลูกเปตองบังอยู่ไม่ถือว่าฟาล์ว ทั้งผู้ตัดสินมีสิทธิ์ที่จะยกลูกเปตองที่บังอยู่ออกชั่วคราวเพื่อตรวจสอบว่า ลูกเป้านั้นมองเห็นได้ชัดเจนหรือไม่<br />
<br />
5.4 เมื่อลูกเป้าเคลื่อนที่ไป มีระยะห่างจากวงกลมเกินกว่า 20 เมตร หรือน้อยกว่า 3 เมตร<br />
<br />
5.5 เมื่อลูกเป้าเคลื่อนที่ไปแล้ว หาไม่พบภายใน 5 นาที<br />
<br />
6. ก่อนหรือหลังการโยนลูกเป้า ห้ามผู้เล่นปรับพื้นที่หรือเคลื่อนย้ายสิ่งต่าง ๆ เช่น กรวด หิน ดิน ทราย ใบไม้ ฯลฯ ในบริเวณสนามแข่งขันโดยเด็ดขาด เว้นแต่ผู้เตรียมตัวจะลงเล่นเท่านั้นที่มีสิทธิ์ปรับสนามที่มีหลุมซึ่งเกิดจากการโยนลูกเปตองของผู้เล่นคนที่แล้ว และอาจใช้ลูกเปตองปรับหลุมนั้นได้ไม่เกิน 3 ครั้ง ผู้เล่นที่ฝ่าฝืนกฎต้องลงโทษดังนี้<br />
<br />
6.1 ถูกเตือน<br />
<br />
6.2 ปรับลูกที่เล่นไปแล้วหรือลูกที่กำลังจะเล่นเป็นลูกฟาล์ว<br />
<br />
6.3 ปรับเฉพาะผู้กระทำผิด ให้งดเล่น 1 เที่ยว<br />
<br />
6.4 ปรับเป็นแพ้ทั้งทีม<br />
<br />
6.5 ปรับให้แพ้ทั้ง 2 ทีม ถ้ากระทำผิดเหมือนกัน หรือสมรู้ร่วมคิดกัน<br />
<br />
7. ในระหว่างการเล่นแต่ละเที่ยว หากมีใบไม้ กระดาษหรือสิ่งอื่น ๆ มาบังลูกเป้าโดยบังเอิญให้เอาออกได้<br />
<br />
7.1 เมื่อลูกเป้าหยุดนิ่งแล้วและเคลื่อนที่ไปใหม่โดยแรงลมพัดหรือจากการลาดเอียงของพื้นสนาม จะต้องนำกลับมาวางที่ตำแหน่งเดิม<br />
<br />
7.2 เมื่อลูกเป้าเคลื่อนที่โดยอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นจากผู้ตัดสิน ผู้ดู สัตว์ สิ่งเคลื่อนที่อื่น ๆ รวมทั้งลูกเป้าหรือลูกเปตองที่เคลื่อนที่มาจากสนามอื่นให้นำลูกเป้านั้นมาวางที่ตำแหน่งเดิม ทั้งนี้ต้องเครื่องหมายกำหนดจุดเดิมของลูกเป้า<br />
<br />
7.3 เพื่อหลีกเลี่ยงการประท้วงทั้งปวง ผู้เล่นควรทำเครื่องหมายบนพื้นสนามตามตำแหน่งของลูกเป้าหรือลูกเปตองไว้มิฉะนั้นจะไม่มีสิทธิ์ประท้วงใด ๆ ทั้งสิ้น<br />
<br />
7.4 ลูกเป้าที่อยู่บนพื้นสนามซึ่งมีน้ำขังอยู่ถือว่าดี หากลูกเป้านั้นยังไม่ลอยน้ำ<br />
<br />
8. ในระหว่างการเล่นแต่ละเที่ยวหากลูกเป้าเคลื่อนที่ไปอยู่อีกสนามหนึ่ง ให้ถือว่าลูกเป้านั้นยังดีอยู่<br />
<br />
8.1 ถ้าสนามนั้นมีการแข่งขันอยู่ ฝ่ายที่ต้องใช้ลูกเป้านั้นจะต้องหยุดรอเพื่อคอยให้ผู้เล่นที่กำลังเล่นอยู่ในสนามนั้นเล่นจบก่อน<br />
<br />
8.2 ผู้เล่นที่มีปัญหาตามข้อ 12.1 จะต้องแสดงออกถึงความมีน้ำใจ ความอดทน และความเอื้ออารีต่อกัน<br />
<br />
9. ในระหว่างการเล่นแต่ละเที่ยว ถ้าลูกเป้าเกิดฟาล์วให้ปฏิบัติตามกฎข้อย่อยดังนี้<br />
<br />
9.1 ถ้าผู้เล่นทั้งสองฝ่ายมีลูกเปตองเหลืออยู่ การเล่นเที่ยวนั้นถือว่าโมฆะ ต้องเริ่มเล่นใหม่ที่ด้านตรงข้าม<br />
<br />
9.2 ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีลูกเปตองเหลืออยู่เพียงฝ่ายเดียวฝ่ายนั้นจะได้คะแนนเท่ากับจำนวนลูกเปตองที่เหลืออยู่โดยไม่ต้องเล่นและจะเริ่มเล่นใหม่ที่ด้านตรงข้าม<br />
<br />
9.3 ถ้าทั้งสองฝ่ายหมดลูกเปตองเหมือนกัน ให้เริ่มเล่นใหม่ที่ด้านตรงข้ามโดยให้ทีมที่คะแนนเที่ยวที่เป็นฝ่ายโยนลูกเป้า<br />
<br />
10. ลูกเป้าที่ถูกยิงแล้วเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งเดิม<br />
<br />
10.1 ถ้าลูกเป้าที่ยิงแล้วเคลื่อนที่ไปถูกผู้ดูหรือผู้ตัดสินแล้วหยุด ให้ลูกเป้านั้นอยู่ในตำแหน่งใหม่<br />
<br />
10.2 ถ้าลูกเป้าที่ยิงแล้วเคลื่อนที่ไปถูกผู้เล่นคนหนึ่งคนใดแล้วหยุด ฝ่ายตรงข้ามที่ทำให้ลูกเป้าหยุด มีสิทธิ์เลือกปฏิบัติตามกฎข้อย่อย ดังนี้<br />
<br />
ก. ให้ลูกเป้าอยู่ในตำแหน่งใหม่<br />
<br />
ข. นำลูกเป้ามาวางที่ตำแหน่งเดิม<br />
<br />
ค. วางลูกเป้าตามแนวยาวระหว่างตำแหน่งเดิมกับตำแหน่งใหม่แต่ต้องอยู่ใหม่แต่ ต้องอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้ในกติกาแล้วเริ่มเล่นต่อไปตามปกติ<br />
<b><br /></b>
<b>ประวัติเปตอง วิธีเล่นเปตอง<br /></b><br />
<img alt="ประวัติเปตอง วิธีเล่นเปตอง" border="0" class="img-mobile" height="279" src="http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/suttichai/lpt.jpg" style="height: 279px; width: 500px;" width="500" /><br />
<b><br />การวัดระยะและการวัดคะแนน<br /></b><br />
<br />
1. ในการวัดคะแนนอนุญาตให้โยกย้ายลูกเปตองที่เกี่ยวข้องได้แต่ต้องทำเครื่องหมายที่มีตำแหน่งสิ่งนั้น ๆ ไว้ก่อนโยกย้าย เมื่อการวัดคะแนนเสร็จสิ้นลง ให้นำทุกสิ่งที่โยกย้ายไปนั้นกลับมาวางที่ตำแหน่งเดิมทั้งหมดถ้าสิ่งกีดขวางที่มีปัญหานั้นไม่อาจโยกย้ายได้ให้ใช้วงเวียนทำการวัด<br />
<br />
2. ในการวัดคะแนนระหว่างลูกเปตอง 2 ลูก ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันมาก ผู้เล่นคนหนึ่งได้วัดไปแล้ว และบอกว่าตนได้ ผู้เล่นฝ่ายตรงกันข้ามมีสิทธิ์ที่จะวัดใหม่ เพื่อความแน่ใจและถูกต้อง (ส่วนอุปกรณ์การวัดที่ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ห้ามวัดโดยการนับระยะเท้า) เมื่อทั้งสองฝ่ายได้คะแนนแล้วหลายครั้งยังตกลงกันไม่ได้ต้องให้ผู้ตัดสินเป็นผู้วัดเพื่อตัดสิน และผลการตัดสินถือเป็นที่สิ้นสุด และหากผู้เล่นเป็นฝ่ายฝ่าฝืนกติกาข้อนี้ให้ผู้ตัดสินตักเตือน 1 ครั้ง หากยังฝ่าฝืนอีกให้ปรับเป็นแพ้<br />
<br />
3. เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขันแต่ละเที่ยวลูกเปตองทุกลูกที่ถูกนำออกก่อนการวัดคะแนน ให้ถือว่าเป็นลูกฟาล์วและไม่มีสิทธิ์โต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้น<br />
<br />
4. ถ้าผู้เล่นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำการวัดคะแนนแล้ว ไปทำให้ลูกเป้าหรือเปตองที่มีปัญหานั้นเคลื่อนที่ จะต้องเป็นฝ่ายเสียคะแนนนั้นและในการวัดแต่ละครั้งต้องให้ผู้เล่นของทีมที่ทำให้ลูกเปตองเกิดปัญหาทำการวัดทุกครั้ง ในการวัดคะแนนแต่ละครั้ง ก่อนทำการวัดผู้ตัดสินต้องทำการคาดคะเนเสียก่อนว่าลูกใดเปรียบและถ้าได้วัดไปแล้ว บังเอิญผู้ตัดสินไปทำให้เปตองหรือลูกเป้าเคลื่อนที่ผู้ตัดสินจะต้องทำการวัดใหม่ และภายหลังการวัดปรากฏว่าลูกเปตองที่คาดคะเนว่าชนะยังคงชนะอยู่ให้กรรมการตัดสินตามความเป็นจริงถ้าการวัดครั้งใหม่แล้วปรากฏว่าลูกเปตองที่คาดคะเนว่าจะชนะกลับแพ้ ให้ผู้ตัดสินตัดสินด้วยความเที่ยงธรรม<br />
<br />
5. ในกรณีที่ลูกเปตองของทั้งสองฝ่ายมีระยะห่างจากลูกเป้าเท่ากันหรือติดกับลูกเป้าทั้ง 2 ลูกให้ปฏิบัติตามกฎข้อย่อย ดังนี้<br />
<br />
5.1 ถ้าทั้งสองฝ่ายหมดลูกเปตองเล่นแล้ว การเล่นเที่ยวนั้นถือว่าเป็นโมฆะ จะต้องเริ่มเล่นใหม่ด้านตรงข้าม โดยผู้เล่นฝ่ายที่ได้คะแนนในเที่ยวที่แล้ว เป็นผู้โยนลูกเป้า<br />
<br />
5.2 ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีลูกเปตองเหลือเล่นอยู่เพียงฝ่ายเดียว ฝ่ายนั้นจะต้องเล่นจนหมดลูกเปตองเพื่อทำคะแนนเพิ่มเติมตามจำนวนลูกเปตองที่อยู่ใกล้เป้ามากที่สุด<br />
<br />
5.3 ถ้าทั้งสองฝ่ายยังมีลูกเปตองเหลืออยู่ ฝ่ายที่โยนลูกเปตองทีหลังจะต้องเป็นฝ่ายเล่นลูกต่อไป ถ้าลูกเปตองทั้งสองฝ่ายยังเสมอกันอยู่ต้องเปลี่ยนให้อีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เล่นและต้องสลับกันโยนฝ่ายละ 1 ลูก จนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะได้คะแนนแล้วเล่นต่อไปตามปกติ<br />
<br />
6. หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกาะติดกับลูกเปตองหรือลูกเป้าจะต้องเอาสิ่งนั้นออกก่อนการวัดคะแนนทุกครั้ง<br />
<br />
7. การเสนอข้อประท้วงต่อผู้ตัดสินจะกระทำได้ในระหว่างการแข่งขันแต่ละเกมเท่านั้น เมื่อเกมการแข่งขันเท่านั้น เมื่อเกมการแข่งขันนั้น ๆ ได้สิ้นสุดลงจะไม่มีประท้วงใด ๆ ทั้งสิ้น เพื่อประโยชน์ของฝ่ายตน ผู้เล่นทุกคนต้องคอยระมัดระวังการละเมิดกติกาของฝ่ายตรงข้ามบัตรประจำตัวนักกีฬา-รุ่นของผู้เล่นสนามแข่งขัน มาตรฐานของลูกเปตอง เป็นต้น<br />
<br />
8. ในขณะทำการจับสลากและการประกาศผลการจับสลาก ผู้เล่นทุกคนต้องอยู่พร้อมกันที่โต๊ะอำนวยการ หลังจากการประกาศผลไปแล้ว 15 นาที ทีมที่ไม่ลงสนามแข่งขันจะถูกปรับเสียคะแนนให้แก่ฝ่ายตรงข้าม 1 คะแนน<br />
<br />
8.1 หากเกินกำหนดเวลา 15 นาทีไปแล้ว การปรับคะแนนจะทวีเพิ่มขึ้น 1 คะแนน ทุก ๆ 5 นาที<br />
<br />
8.2 บทลงโทษตามข้อ 32 จะมีผลบังคับหลังจากการประกาศให้เริ่มการแข่งขันทุกครั้ง<br />
<br />
8.3 หลังจากการประกาศการแข่งขันได้ผ่านพ้นไปแล้ว 1 ชั่วโมงทีมที่ยังไม่ได้ลงทำการแข่งขันจะถูกปรับให้เป็นผู้แพ้ในเกมนั้น<br />
<br />
8.4 ทีมที่มีผู้เล่นไม่ครบจำนวน ต้องลงทำการแข่งขันตามเวลาที่กำหนดโดยไม่อนุญาตให้รอผู้ร่วมทีมที่มาล่าช้าและจะเล่นลูกเปตองได้ตามจำนวนที่ผู้เล่นมีสิทธิเท่านั้น (ตามประเภทที่แข่งขัน)<br />
<br />
9. เมื่อมีการแข่งขันในเที่ยวนั้นได้เริ่มเล่นไปแล้ว ผู้เล่นที่มาล่าช้าไม่มีสิทธิ์ลงเล่นในเที่ยวนั้น แต่อนุญาตให้ลงเล่นในเที่ยวต่อไปได้<br />
<br />
9.1 เมื่อการแข่งขันในเกมนั้นได้ดำเนินไปแล้ว 1 ชั่วโมง ผู้เล่นที่มาล่าช้าหมดสิทธิ์ลงทำการแข่งขันในเกมนั้น<br />
<br />
9.2 ถ้าการแข่งขันนั้นแบ่งเป็นสาย จะอนุญาตให้ผู้เล่นที่มาล่าช้าลงแข่งขันในเกมที่ 2 ได้ ไม่ว่าผลการแข่งขันในเกมแรกจะแพ้หรือชนะก็ตาม<br />
<br />
9.3 หากทีมที่มีผู้เล่นไม่ครบจำนวนสามารถชนะการแข่งขันในเกมนั้นจะอนุญาตให้ผู้เล่นที่มาเล่นช้าลงแข่งขันในเกมต่อไปได้ แต่ต้องเป็นผู้เล่นของทีมนั้น และต้องมีชื่อถูกต้องในในสมัครด้วย<br />
<br />
9.4 การแข่งขันแต่ละเที่ยวจะถือว่าเริ่มขึ้นแล้วก็ต่อเมื่อลูกเป้าที่โยนไปในสนามนั้น ได้ตำแหน่งถูกต้องตามกติกา<br />
<br />
10. การเปลี่ยนตัวผู้เล่นจะอนุญาตให้กระทำได้ก่อนจับสลากการแข่งขันเท่านั้น และต้องเป็นผู้เล่นที่ไม่มีรายชื่ออยู่ในทีมอื่นของการแข่งขันเดียวกัน<br />
<br />
11. ในระหว่างการแข่งขันหากมีฝนตก ให้แข่งขันต่อไปจนจบเที่ยวเว้นแต่มีเหตุผลสุดวิสัย ไม่สามารถแข่งขันต่อไปได้ ผู้ตัดสินและผู้ชี้ขาดเท่านั้นที่มีอำนาจให้หยุดการพักการแข่งขันชั่วคราวหรือยกเลิกการแข่งขัน<br />
<br />
11.1 หลังจากการประกาศเพื่อเริ่มต้นการแข่งขันในรอบใหม่แล้ว รอบสองหรือรอบต่อ ๆ ไป หากยังมีบางทีมและบางสนามยังแข่งขันไม่เสร็จ ผู้ตัดสินอาจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ดีตนเห็นสมควร ด้วยความเห็นชอบคณะกรรมการจัดการแข่งขันเพื่อให้การแข่งขันนั้นดำเนินไปด้วยดี<br />
<br />
11.2 ในระหว่างการแข่งขัน ผู้เล่นทุกคนจะออกไปจากสนามต้องได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสินเสียก่อน มิฉะนั้นจะถูกลงโทษตามที่กำหนดไว้ในข้อ 32. และ 33.<br />
<br />
12. ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ หรือรอบอื่น ๆ ก็ตาม ห้ามผู้เล่นทั้งสองฝ่ายสมยอมกันหรือแบ่งรางวัลกันโดยเด็ดขาด ถ้าผู้เล่นทั้งสองฝ่ายสมยอมกันหรือแบ่งรางวัลกันโดยเด็ดขาด ถ้าผู้เล่นทั้งสองฝ่ายแข่งขันกันไม่สมศักดิ์ศรี เป็นการหลอกลวงผู้ดู ผู้ควบคุมทีม และผู้เล่นทั้งสองทีมจะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขัน และผลการแข่งขันที่ผ่านมาก่อนหน้านั้นก็ให้ถือโมฆะด้วย นอกจากนั้นแล้วผู้เล่นทั้งสองทีมจะต้องถูกพิจารณาลงโทษตามที่กำหนดไว้ข้อ 11. อีกด้วย<br />
<br />
13. ผู้เล่นที่มีพฤติกรรมอันเป็นการผิดมารยาทอย่างรุนแรงต่อผู้ควบคุมทีม ผู้ตัดสิน ผู้เล่นคน อื่น ๆ หรือผู้ดู จะถูกลงโทษตามสภาพความผิดดังนี้<br />
<br />
ก. ให้ออกจากการแข่งขัน<br />
<br />
ข. ถอนใบอนุญาต (บัตรประจำตัวนักกีฬา)<br />
<br />
ค. งดให้รางวัลหรือเงินรางวัล<br />
<br />
14. ผู้ตัดสินทุกคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากสหพันธ์ฯ เปตองนานาชาติหรือสมาคมเปตองแห่งประเทศไทย ฯ มีหน้าที่คอยควบคุมดูแลให้การแข่งขันดำเนินไปอย่างมีระเบียบและถูกต้องตามกติกาอย่างเคร่งครัด และมีอำนาจให้ผู้เล่นทุกคน หรือทุกทีมที่ปฏิเสธไม่ปฏิบัติตามคำตัดสินออกจากการแข่งขันได้<br />
<br />
15. หากกรณีอื่นใดที่มิได้กำหนดไว้ในกติกาข้อนี้เป็นหน้าที่ของผู้ตัดสินที่จะต้องขอความร่วมมือจากคณะกรรมการชี้ขาดการแข่งขันครั้งนั้นเพื่อพิจารณาตัดสินผู้ชี้ขาดตามสมควรแก่กรณี (คณะกรรมการชี้ขาดประกอบด้วยกรรมการ 3 หรือ 5 คน)Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-7222354390385577272012-11-20T01:19:00.000-08:002012-11-20T02:09:15.269-08:00อุปกรณ์การเล่นเปตอง<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" style="width: 500px;"><tbody>
<tr><td height="42"><img border="1" height="122" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/petanque2.jpg" width="185" /></td>
</tr>
<tr>
<td align="center" valign="top"><br /></td>
</tr>
<tr>
<td height="262"><div align="left">
<u>อุปกรณ์การเล่นเปตอง</u><br />
<b> 1.</b><b> ลูกบูล</b> <br />
เป็นลูกทรงกลมด้านในกลวง ทำด้วยโลหะ
มีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 70.5-80 มิลลิเมตร มีน้ำหนักระหว่าง 650 – 800
กรัม มีเครื่องหมายของโรงงานผู้ผลิต ตัวเลขแสดงน้ำหนัก
และเลขรหัสปรากฏอยู่บนลูกบูลอย่างชัดเจน และควรเป็นลูกบูลที่ได้รับการ
รับรองจากสหพันธ์เปตองนานาชาติและสมาคมเปตองแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี <br />
<div align="center">
<img border="1" height="240" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/spd_20090311152148_b.jpg" width="348" /></div>
<div align="left">
<br />
<b> 2.</b><b> ลูกเป้า</b> <br />
เป็นลูกทรงกลมแต่ทำด้วยไม้หรือวัสดุสังเคราะห์
มีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 25-35 มิลลิเมตร และอาจทาสีได้
แต่ต้องเป็นสีที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในขอบเขตของสนาม</div>
<div align="center">
<img border="1" height="147" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/petanque4.jpg" width="450" /></div>
<div align="left">
<b> 3.</b><b> สนามเล่น</b> <br />
เปตองเล่นได้กับทุกสภาพสนาม
โดยทั่วไปมีด้านหน้าเรียบยาวตรงพอประมาณ ขนาดของสนาม กว้าง 4 เมตร ยาว 15
เมตร พื้นไม้ คอนกรีต และพื้นหญ้าไม่เหมาะสำหรับกีฬาประเภทนี้</div>
<div align="center">
<img border="1" height="368" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/petanque1.jpg" width="491" /></div>
<div align="left">
<b> 4.</b><b> เทปสายวัด</b></div>
<div align="center">
<img border="1" height="122" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/petanque2.jpg" width="185" /><br />
<br /></div>
<div align="left">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhk5zdV1V9xKMok4IWjxJT2ozOr-fuUXP1NcXjW-C0_3HfLSVafIoNGiBcLpE7V9xtv1o34uKW9v3rc0xwKyXXpzw4FGZ8NBomzwp7bdiHN7fIVa-78q90w2xkaI1JdFpvOtu6PWYxYRJn5/s1600/petanque.png" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhk5zdV1V9xKMok4IWjxJT2ozOr-fuUXP1NcXjW-C0_3HfLSVafIoNGiBcLpE7V9xtv1o34uKW9v3rc0xwKyXXpzw4FGZ8NBomzwp7bdiHN7fIVa-78q90w2xkaI1JdFpvOtu6PWYxYRJn5/s1600/petanque.png" /></a></div>
<br /></div>
</div>
</td></tr>
</tbody></table>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-63681786806405915862012-08-30T19:20:00.003-07:002012-08-30T19:20:49.305-07:00กติกาสากลการเล่นเปตองของสหพันธ์เปตองนานาชาติหลักการทั่วไป <br />
<br />
<b><u>ข้อ 1.</u></b> เปตองเป็นกีฬาที่เล่นโดยมีผู้เล่น 2 ฝ่าย และแบ่งการเล่นออกได้ ดังนี้ <br />
- ผู้เล่นฝ่ายละ 3 คน (Triples) <br />
- ผู้เล่นฝ่ายละ 2 คน (Doubles) <br />
- ผู้เล่นฝ่ายละ 1 คน (Single) <br />
1.1 ในการเล่นฝ่ายละ 3 คนผู้เล่นแต่ละคนต้องมีลูกเปตองคนละ 2 ลูก <br />
1.2 ในการเล่นฝ่ายละ 2 คนผู้เล่นแต่ละคนต้องมีลูกเปตองคนละ 3 ลูก <br />
1.3 ในการเล่นฝ่ายละ 1 คนผู้เล่นแต่ละคนต้องมีลูกเปตองคนละ 3 ลูก <br />
1.4 ห้ามจัดให้มีการเล่นนอกเหนือจากกฎที่ได้กำหนดไว้ในข้อ 1 นี้ <br />
<br />
<b><u>ข้อ 2.</u></b> ลูกเปตองที่ใช้เล่นต้องได้รับการรับรองจากสหพันธ์เปตองนานาชาติหรือสมาคมสหพันธ์ เปตองแห่งประเทศไทยฯ และต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
<br />
<div align="center">
<img border="1" height="226" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/about53.jpg" width="293" /></div>
ก. เป็นโลหะ <br />
ข. มีเส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 7.05-8.00 เซนติเมตร <br />
ค. มีน้ำหนักระหว่าง 650 - 800 กรัม
จะต้องมีเครื่องหมายของโรงงานผู้ผลิต ตัวเลขแสดงน้ำหนักและเลขรหัส
ปรากฏบนลูกเปตอง อย่างชัดเจน <br />
ง. เป็นลูกเปตองที่ผลิตจากโรงงานที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์ฯ
และห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพเดิม ไม่ว่าจะใช้ตะกั่วบัดกรี หรือนำเอาดินทราย
มาติดเพิ่มหรือใส่ลงในลูกเปตองในลักษณะที่มีเจตนาส่อไปในทางทุจริตแต่อนุญาต
ให้เจ้าของสลักชื่อ หรือเครื่องหมายบนลูกเปตอง <br />
2.1 ผู้เล่นที่ฝ่าฝืนหรือละเมิดกฎข้อ 2(ง) จะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขัน<br />
2.2 ลูกเปตองที่ถูกเปลี่ยนแปลงสภาพเดิม ผู้กระทำผิดจะถูกลงโทษดังนี้ <br />
ก. กรณีปลอมแปลงลูกเปตองผู้กระทำผิดจะถูกถอนใบอนุญาต(บัตรประจำตัวนักกีฬา) 15 ปี และอาจถูก ลงโทษจากคณะกรรมการวินัยอีกด้วย <br />
ข. กรณีใช้ความร้อนเพื่อดัดแปลงสภาพของลูกเปตอง
ผู้กระทำผิดจะถูกถอนใบอนุญาต (บัตรประจำตัว นักกีฬา) 2 ปี
และห้ามเข้าทำการแข่งขันชนะเลิศแห่งชาติ และนานาชาติเป็นระยะเวลา 3 - 5 ปี
<br />
2.3 กรณีหนึ่งกรณีใดที่ได้ระบุไว้ใน ข้อ 2.2 (ก) และ(ข)
ถ้าผู้เล่นได้ยืมลูกเปตองจากผู้อื่นมาเล่น เจ้าของลูกเปตองผู้ให้ยืม
จะถูกลงโทษภาคทัณฑ์เป็นระยะเวลา 2 ปี <br />
2.4 ถ้าลูกเปตองนั้นมิได้ถูกกระทำทุจริต
แต่เนื่องจากลูกเปตองนั้นเก่ามากหรือมีการผิดพลาดจากโรงงานผู้ผลิตและเมื่อ
ตรวจสอบแล้วไม่ได้ลักษณะตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อ 2 (ก),(ข),และ(ค)
จะต้องเปลี่ยนลูกเปตองนั้นทันทีและอาจเปลี่ยนแปลงเกมส์การเล่นใหม่ <br />
2.5 เพื่อประโยชน์ของฝ่ายตน ก่อนทำการแข่งขันทุกครั้ง
ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายควรตรวจสอบลูกเปตองของตน และฝ่ายตรง
ข้ามให้ถูกต้องตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ในข้อ 2(ก),(ข)และ(ค) <br />
2.6 ในกรณีที่มีการผ่าลูกเปตองเพื่อตรวจสอบ
ถ้าลูกเปตองนั้นมิได้ถูกกระทำการทุจริต ฝ่ายประท้วงจะต้องรับผิดชอบชดใช้
หรือเปลี่ยนลูกเปตองนั้นให้แก่ฝ่ายเสียหายและเจ้าของลูกเปตองไม่มีสิทธิ์ที่
จะเรียกร้องค่าเสียหายใดๆอีก <br />
2.7 ในระหว่างการแข่งขัน ผู้ตัดสินและกรรมการชี้ขาดอาจตรวจสอบลูกเปตองของผู้เล่นทุกคนได้ทุกเวลา <br />
2.8 การประท้วงของนักกีฬาว่าด้วยเรื่องการตรวจสอบลูกเปตองจะกระทำได้ในระหว่างการเล่น 2 เที่ยวแรกเท่านั้น <br />
2.9 หลังจากเล่นเที่ยวที่ 3
แล้วถ้ามีการประท้วงเกี่ยวกับลูกเปตองของฝ่ายตรงข้ามเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า
ลูกเปตอง นั้นไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด ฝ่ายที่ประท้วงจะถูกปรับ 3
คะแนนโดยนำไปเพิ่มในป้ายคะแนนฝ่ายตรงข้าม <br />
2.10 ลูกเป้าต้องทำด้วยไม้หรือใยสังเคราะห์
มีเส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 25 - 35 ม.ม. และอาจทาสีได้ แต่ต้องสามารถ
มองเห็นได้ชัดเจนในขอบเขตของสนาม<br />
<div align="center">
<img border="1" height="240" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/about75.jpg" width="348" /></div>
<b><u>ข้อ 3.</u></b> ก่อนเริ่มการแข่งขัน
หากกรรมการผู้ตัดสินหรือผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามขอตรวจสอบใบอนุญาต
(บัตรประจำตัวนักกีฬา) ผู้เล่นนั้นๆจะต้องแสดงให้ดูทันที
ใบอนุญาต(บัตรประจำตัวนักกีฬา)
ทุกประเภทต้องออกโดยสมาคมสหพันธ์เปตองแห่งประเทศไทยฯมีรูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว
มีลายเซ็นของผู้ถือบัตร และต้องมีตราของชมรม หรือสมาคมนั้น
ประทับคาบอยู่บนรูปถ่ายด้วย <br />
<br />
<b><u>ข้อ 4.</u></b> ห้ามผู้เล่นทุกคนเปลี่ยนลูกเป้าหรือลูกเปตองในระหว่างการแข่งขันเว้นแต่ในกรณีดังนี้ <br />
4.1 ลูกเป้าหรือลูกเปตองหาย หาไม่พบ (กำหนดเวลาในการค้นหา 5 นาที) <br />
4.2 ถ้าลูกเปตองหนึ่งแตกเป็น 2 ชิ้นหรือหลายชิ้น ให้ปฏิบัติตามกฎข้อย่อยดังนี้ <br />
ก. ถ้าหมดลูกเปตองเล่นแล้ว ให้นับคะแนนจากชิ้นที่ใหญ่ที่สุด <br />
ข. ถ้ายังมีลูกเปตองเหลือเล่นอยู่
ให้นำลูกเปตองอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมาเปลี่ยนทันทีโดยให้นำมาวางแทน
ที่ตำแหน่งชิ้นใหญ่ ที่สุดของลูกเปตองที่แตกนั้นแล้วเล่นต่อไปตามปกติกฎข้อ
4.2 นี้ ให้ใช้กับลูกเป้าด้วย <br />
วิธีการเล่น <br />
<br />
<b><u>ข้อ 1.</u></b> เปตองเป็นกีฬาที่เล่น
ได้กับสนามทุกสภาพ ยกเว้นพื้นคอนกรีตพื้นไม้
และพื้นดินที่มีหญ้าขึ้นสูงโดย
มีคณะกรรมการจัดการแข่งขันหรือผู้ตัดสินเป็นผู้กำหนด
ผู้เล่นทุกทีมต้องเล่นในสนามที่กำหนดให้
สำหรับการแข่งขันชิงชนะเลิศระดับชาติ และนานาชาติ สนามต้องมีขนาดกว้าง 4
เมตร ยาว 15 เมตร เป็นอย่างน้อย<br />
1.1 ส่วนการแข่งขันอื่นๆ สมาคมสหพันธ์ฯ
อาจอนุโลมให้เปลี่ยนแปลงขนาดของสนามได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมแต่ต้องมี
ขนาด กว้าง 3.50 เมตร และยาว 13 เมตร เป็นอย่างน้อย<br />
1.2 เกมส์หนึ่งกำหนดให้ใช้ 13 คะแนน
สำหรับการแข่งขันในรอบแรกและรอบต่อๆไป (จะใช้เพียง 11 คะแนนก็ได้)
สำหรับรอบชิงชนะเลิศ ในระดับนานาชาติ หรือแห่งชาติให้ใช้ 15 คะแนน<br />
<br />
<b><u>ข้อ 2.</u></b> ผู้เล่นทุกคนต้องลงสู่สนามแข่งขันตามเวลาที่กำหนดให้ และทำการเสี่ยงว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายโยนลูกเป้า<br />
2.1 ผู้เล่นคนหนึ่งคนใดในทีมซึ่งเป็นฝ่ายชนะในการเสี่ยง
เป็นผู้โยนลูกเป้าเมื่อเลือกจุดเริ่มแล้วให้เขียนวงกลมบนพื้นมีขนาดพอที่
เจ้าทั้งสองข้าง เข้าไปยืนอยู่ได้ (เส้นผ่านศูนย์กลาง ระหว่าง 0.35-0.50
เมตร) วงกลมนั้นจะต้องห่างจากสิ่งกีดขวางต่างๆ และเส้นเขตสนามไม่น้อยกว่า 1
เมตร สำหรับการแข่ง
ขันในสภาพสนามที่ไม่มีขอบเขตของสนามให้เขียนวงกลมห่างจากวงกลมของสนามอื่น
ไม่น้อยกว่า 2 เมตร<br />
2.2 ผู้ที่เตรียมเล่น
จะต้องเข้าไปยืนอยู่ภายในวงกลมห้ามเหยียบเส้นรอบวงห้ามยกเท้าพ้นพื้น
และห้ามออกจากวงกลมก่อนที่ลูกเปตองจะตกถึงพื้นส่วน
ส่วนอื่นของร่างกายจะถูกพื้นนอกวงกลมไม่ได้เว้นแต่คนขาพิการซึ่งได้รับ
อนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้วางเท้าข้างเดียวในวงกลมได้
ส่วนนักกีฬาพิการที่ต้องนั่งรถเข็น ให้
ขีดวงกลมรอบล้อรถเข็นได้และที่วางเท้ารถเข็นต้องให้อยู่สูงเหนือขอบวงกลม<br />
2.3 ผู้เล่นคนหนึ่งคนใดในทีมซึ่งเป็นผู้โยนลูกเป้า
ไม่บังคับว่าจะต้องเป็นผู้โยนลูกเปตองลูกแรกเสมอ
ไป
2.4
ในกรณีที่สนามไม่ดี (ชำรุด)
ห้ามผู้เล่นตกลงกันเองไปแข่งขันสนามอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสิน<br />
<br />
<b></b><br />
<b><u>ข้อ</u></b><b><u> 3.</u></b> ลูกเป้าที่โยนไปแล้วถือว่าดีจะต้องมีกฎเกณฑ์ดังนี้<br />
<div align="center">
<img border="1" height="242" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/about72.jpg" width="240" /></div>
<br />
3.1 มีระยะห่างระหว่างขอบวงกลมด้านใกล้ที่สุดถึงลูกเป้า<br />
ก. ไม่น้อยกว่า 4 เมตร และไม่เกิน 8 เมตร สำหรับเด็กเล็ก (อายุไม่เกิน 12 ปี)<br />
ข. ไม่น้อยกว่า 5 เมตร และไม่เกิน 8 เมตร สำหรับยุวชน (อายุระหว่าง 13-14 ปี)<br />
ค. ไม่น้อยกว่า 6 เมตร และไม่เกิน 10 เมตร สำหรับเยาวชน (อายุระหว่าง 15-17 ปี)<br />
ง. ไม่น้อยกว่า 6 เมตร และไม่เกิน 10 เมตร สำหรับผู้ใหญ่ (ไม่จำกัดอายุ)<br />
3.2 วงกลมต้องอยู่ห่างจากสิ่งกีดขวางต่างๆ และเส้นเขตสนามหรือเส้นฟาล์วไม่น้อยกว่า 1 เมตร<br />
3.3 ตำแหน่งลูกเป้าต้องอยู่ห่างจากสิ่งกีดขวางต่างๆ และเส้นเขตสนามไม่น้อยกว่า 1 เมตร<br />
3.4 ลูกเป้าจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่มองเป็นได้อย่างชัดเจน
ขณะยืนตัวตรงอยู่ในวงกลม(ถ้ามีการโต้แย้ง ในกรณีนี้ผู้ตัดสินเป็นผู้ชี้ขาด)<br />
3.5 การโยนลูกเป้าในเที่ยวต่อๆ ไปให้เขียนวงกลมรอบตำแหน่งที่ลูกเป้าอยู่ในเที่ยวที่แล้ว เว้นแต่กรณีดังนี้<br />
ก. วงกลมมีระยะห่างจากสิ่งกีดขวางและเส้นเขตสนามน้อยกว่า 1 เมตร
ในกรณีนี้ผู้เล่นต้องเขียนวงกลมให้ห่างจากสิ่งกีดขวางและเส้น
ขอบสนามตามที่กติกาได้กำหนดไว้<br />
ข. โยนลูกเป้าไม่ได้ระยะตามที่กติกากำหนดไว้
แม้จะโยนไปในทิศทางใดก็ตาม กรณีนี้ผู้เล่นต้องถอยหลังตามแนวตรง
(ตั้งฉาก)จากตำแหน่ง
เดิมของลูกเป้าในเที่ยวที่แล้วจนกว่าจะได้ระยะในการโยนตามที่กติกากำหนดไว้
แต่ทั้งนี้วงกลมนั้นจะถอยหลังได้ไม่เกิน 11 เมตร นับจากเส้นสนามด้านบน
จนถึงเส้นขอบวงกลมด้านใกล้สุด<br />
ค. ลูกเป้าที่อยู่ในระยะการโยนหรือเล่นได้
แต่ผู้เล่นที่มีสิทธิ์โยนลูกเป้าไม่ประสงค์จะเล่นในระยะนั้นๆ
กรณีนี้ผู้เล่นสามารถถอยหลังตาม
แนวตรง(ตั้งฉาก)จากตำแหน่งเดิมของลูกเป้าในเที่ยวที่แล้วนั้นได้ตามความพอใจ
แต่ทั้งนี้วงกลมนั้นจะถอยหลังได้ไม่เกิน 11 เมตร นับจากเส้นสนามด้านบน
จนถึงเส้นขอบวงกลมด้านใกล้สุด<br />
ง. ถ้าผู้เล่นฝ่ายเดียวกัน โยนลูกเป้าไปแล้ว 3 ครั้ง
ยังไม่ได้ดีตามกติกาที่กำหนด
จะต้องเปลี่ยนให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้โยน ซึ่งมีสิทธิ์โยนได้ 3
ครั้งเช่นเดียวกัน
และอาจย้ายวงกลมถอยหลังได้ตามแนวตรง(ตั้งฉาก)แต่ทั้งนี้วงกลมนั้นจะถอยหลัง
ได้ไม่เกิน 11 เมตร นับจากเส้นสนามด้านบนจนถึงเส้นขอบวงกลมด้านใกล้ สุด
วงกลมที่เขียนขึ้นใหม่นั้นจะเปลี่ยนแปลงอีกไม่ได้แม้ว่าผู้เล่นของทีมหลัง
นี้จะโยนลูกเป้าไม่ดีทั้ง 3 ครั้งก็ตาม<br />
จ. ถึงแม้ทีมที่โยนลูกเป้า 3
ครั้งแรกโยนไม่ได้ดีตามที่กติกากำหนดก็ตาม
แต่ทีมที่โยนลูกเป้าครั้งแรกนั้นยังมีสิทธิ์เป็นฝ่ายโยนลูกเปตอง
ลูกแรกอยู่<br />
<br />
<b><u>ข้อ 4.</u></b> ลูกเป้าที่โยนไปแล้วถูก
ผู้ตัดสิน ผู้เล่น ผู้ดู สัตว์ หรือสิ่งที่เคลื่อนไหวอื่นๆ
แล้วหยุดให้นำมาโยนใหม่ โดยไม่นับรวมอยู่ในการโยน 3 ครั้งที่ได้กำหนดไว้<br />
4.1 หลังจากการโยนลูกเป้าและลูกเปตองลูกแรกไปแล้ว
ฝ่ายตรงข้ามยังมีสิทธิ์ประท้วงว่าด้วยตำแหน่งของลูกเป้านั้นได้
ถ้าการประท้วงนั้นถูกต้อง ให้เริ่มโยนลูกเป้าและลูกเปตองใหม่<br />
4.2 ถ้าฝ่ายตรงข้ามได้โยนลูกเปตองไปด้วยแล้ว 1 ลูก ให้ถือว่าตำแหน่งลูกเป้านั้นดี และไม่มีสิทธิ์ประท้วงใดๆ ทั้งสิ้น<br />
<br />
<b><u>ข้อ 5.</u></b> ลูกเป้าที่โยนไปแล้วถือว่าฟาล์วมี 5 กรณี ดังนี้<br />
5.1 เมื่อลูกเป้าที่โยนไปแล้วไม่ได้ตำแหน่งที่ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในข้อ 3<br />
5.2 เมื่อลูกเป้าเคลื่อนที่ออกนอกเส้นฟาล์ว แต่ลูกเป้าคาบเส้น
ยังถือว่าดีอยู่ลูกเป้าที่ถือว่าฟาล์ว
คือลูกเป้าที่ได้ออกเส้นฟาล์วเท่านั้น<br />
5.3 เมื่อลูกเป้าเคลื่อนที่ไปแล้ว
ผู้เล่นไม่สามารถมองเห็นจากวงกลมตามที่กำหนดไว้ในข้อ 3.4
แต่ถ้าลูกเป้าถูกลูกเปตองบังอยู่ไม่ถือว่าฟาล์ว
ทั้งนี้ผู้ตัดสินมีสิทธิ์ที่จะยกลูกเปตองที่บังอยู่ออกชั่วคราวเพื่อตรวจสอบ
ว่า ลูกเป้านั้นมองเห็นได้ชัดเจนหรือไม่<br />
5.4 เมื่อลูกเป้าเคลื่อนที่ไปมีระยะห่างจากวงกลมเกินกว่า 20 เมตร หรือน้อยกว่า 3 เมตร<br />
5.5 เมื่อลูกเป้าเคลื่อนที่ไปแล้ว หาไม่พบ ภายใน 5 นาที<br />
<br />
<b><u>ข้อ 6.</u></b> ก่อนหรือหลังการโยนลูก
เป้าห้ามผู้เล่นปรับพื้นที่ หรือเคลื่อนย้ายสิ่งต่างๆ เช่น กรวด หิน ดิน
ทราย ใบไม้ ฯลฯ ในบริเวณสนามแข่งขันโดยเด็ดขาด
เว้นแต่ผู้เตรียมตัวจะลงเล่นเท่านั้นมีสิทธิ์ที่จะปรับสนามที่มีหลุมซึ่ง
เกินจากการโยนลูกเปตองของผู้เล่น
คนที่แล้วและอาจใช้ลูกเปตองปรับหลุมนั้นได้ไม่เกิน 3 ครั้ง
ผู้เล่นที่ฝ่าฝืนกฎจะต้องถูกลงโทษดังนี้<br />
6.1 ถูกเตือน<br />
6.2 ปรับลูกที่เล่นไปแล้วนั้นหรือลูกที่กำลังจะเล่นเป็นลูกฟาล์ว<br />
6.3 ปรับเฉพาะผู้กระทำผิดให้งดเล่น 1 เที่ยว<br />
6.4 ปรับเป็นแพ้ทั้งทีม<br />
6.5 ปรับให้แพ้ทั้ง 2 ทีม ถ้ากระทำผิดเหมือนกัน หรือสมรู้ร่วมคิดกัน<br />
<br />
<b><u>ข้อ</u></b><b><u> 7.</u></b> ในระหว่างการเล่นแต่ละเที่ยวหากมีใบไม้ กระดาษหรือสิ่งอื่นๆมาบังลูกเป้าโดยบังเอิญให้เอาออกได้<br />
7.1 เมื่อลูกเป้าหยุดนิ่งแล้ว และเคลื่อนที่ไปใหม่โดยแรงลมพัด หรือจากการลาดเอียงของพื้นสนาม จะต้องนำกลับมาวางที่ตำแหน่งเดิม<br />
7.2 เมื่อลูกเป้าเคลื่อนที่โดยอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นจากผู้ตัดสิน
ผู้ดู สัตว์ สิ่งเคลื่อนไหวอื่นๆ
รวมทั้งลูกเป้าหรือลูกเปตองที่เคลื่อนที่มาจาก
สนามอื่นให้นำลูกเป้านั้นมาวางที่ตำแหน่งเดิม
ทั้งนี้ต้องมีเครื่องหมายกำหนดจุดเดิมของลูกเป้า<br />
7.3 เพื่อหลีกเลี่ยงการประท้วงทั้งปวง
ผู้เล่นควรทำเครื่องหมายบนพื้นสนามตามตำแหน่งของลูกเป้าหรือลูกเปตองไว้มิ
ฉะนั้นจะไม่มี สิทธิ์ประท้วงใดๆ ทั้งสิ้น<br />
7.4 ลูกเป้าที่อยู่บนพื้นสนามซึ่งมีน้ำขังอยู่ถือว่าดี หากลูกเป้านั้นยังไม่ลอยบนน้ำ<br />
<br />
<b><u>ข้อ 8.</u></b> ในระหว่างการเล่นแต่ละเที่ยวหากลูกเป้าเคลื่อนที่ไปอยู่อีกสนามหนึ่ง ให้ถือว่าลูกเป้านั้นยังดีอยู่<br />
8.1 ถ้าสนามนั้นมีการแข่งขันอยู่ฝ่ายที่ต้องใช้ลูกเป้านั้นจะต้องหยุดรอเพื่อคอยให้ผู้เล่นที่กำลังเล่นอยู่ในสนามนั้นเล่นจบก่อน<br />
8.2 ผู้เล่นที่มีปัญหาตามข้อ 8.1 จะต้องแสดงออกถึงความมีน้ำใจความอดทนและความเอื้ออารีย์ต่อกัน<br />
<br />
<b><u>ข้อ 9.</u></b> ในระหว่างการเล่นแต่ละเที่ยว ถ้าลูกเป้าเกิดฟาล์วขึ้น ให้ปฏิบัติตามกฎข้อย่อยดังนี้<br />
9.1 ถ้าผู้เล่นทั้งสองฝ่ายมีลูกเปตองเหลือเล่นอยู่การเล่นเที่ยวนั้น ถือว่าโมฆะ ต้องเริ่มเล่นใหม่ที่ด้านตรงข้าม<br />
9.2 ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีลูกเปตองเหลืออยู่เพียงฝ่ายเดียว
ฝ่ายนั้นจะได้คะแนนเท่ากับจำนวนลูก เปตองที่เหลืออยู่โดยไม่ต้องเล่น
และจะเริ่มเล่นใหม่ที่ด้านตรงข้าม<br />
9.3 ถ้าทั้งสองฝ่ายหมดลูกเปตองเหมือนกัน ให้เริ่มเล่นใหม่ที่ด้านตรงข้ามโดยให้ทีมที่ได้คะแนนเที่ยวที่แล้วเป็นฝ่ายโยนลูกเป้า <br />
<b><u>ข้อ</u></b><b><u> 10.</u></b> ลูกเป้าที่ถูกยิงแล้วเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งเดิม<br />
10.1 ถ้าลูกเป้าที่ถูกยิงแล้วเคลื่อนที่ไปถูกผู้ดู หรือผู้ตัดสินแล้วหยุด ให้ลูกเป้านั้นอยู่ในตำแหน่งใหม่<br />
10.2 ถ้าลูกเป้าถูกยิงแล้วเคลื่อนที่ไปถูกผู้เล่นคนหนึ่งคนใดแล้วหยุด
ฝ่ายตรงข้ามที่ทำให้ลูกเป้าหยุดมีสิทธิ์เลือกปฏิบัติตามกฎข้อย่อยดังนี้<br />
ก. ให้ลูกเป้าอยู่ตำแหน่งใหม่<br />
ข. นำลูกเป้ามาวางที่ตำแหน่งเดิม<br />
ค. วางลูกเป้าตามแนวยาวตรงระหว่างตำแหน่งเดิมกับตำแหน่งใหม่แต่ต้องอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้ในกติกาแล้วเริ่มเล่นต่อไปตามปกติ<br />
10.3 กรณีตามข้อ 10.2 (ข) และ(ค)
จะกระทำได้ต่อเมื่อผู้เล่นได้ทำเครื่องหมายที่ตำแหน่งลูกเป้าไว้เท่านั้นมิ
ฉะนั้นจะต้องให้ลูกเป้านั้นอยู่ที่ตำแหน่งใหม่<br />
<br />
<b><u>ข้อ 11.</u></b> ในระหว่างการเล่นแต่ละเที่ยวหากลูกเป้า
เคลื่อนที่ไปอยู่ในสนามอื่นถือว่ายังดีอยู่ ในเที่ยวต่อไป
จะต้องกลับมาเล่นที่สนามเดิมด้านตรงข้ามแต่ต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในกติกา
ข้อ 3 ในวิธีการเล่น <br />
<b><u>ข้อ 12.</u></b> ในระหว่างการเล่นแต่ละเที่ยวหากลูกเป้าเคลื่อนที่ไปอยู่อีกสนามหนึ่ง ให้ถือว่าลูกเป้านั้นยังดีอยู่<br />
12.1 ถ้าสนามนั้นมีการแข่งขันอยู่ฝ่ายที่ต้องใช้ลูกเป้านั้นจะต้องหยุดรอเพื่อคอยให้ผู้เล่นที่กำลังเล่นอยู่ในสนามนั้นเล่นจบก่อน<br />
12.2 ผู้เล่นที่มีปัญหาตามข้อ 12.1 จะต้องแสดงออกถึงความมีน้ำใจความอดทนและความเอื้ออารีย์ต่อกัน<br />
<br />
<b><u>ข้อ 13.</u></b><u> </u>ในระหว่างการเล่นแต่ละเที่ยว ถ้าลูกเป้าเกิดฟาล์วขึ้น ให้ปฏิบัติตามกฎข้อย่อยดังนี้<br />
13.1 ถ้าผู้เล่นทั้งสองฝ่ายมีลูกเปตองเหลือเล่นอยู่การเล่นเที่ยวนั้น ถือว่าโมฆะ ต้องเริ่มเล่นใหม่ที่ด้านตรงข้าม<br />
13.2 ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีลูกเปตองเหลือผยู่เพียงฝ่ายเดียว
ฝ่ายนั้นจะได้คะแนนเท่ากับจำนวนลูกเปตองที่เหลืออยู่โดยไม่ต้องเล่น
และจะเริ่มเล่นใหม่ที่ด้านตรงข้าม<br />
13.3 ถ้าทั้งสองฝ่ายหมดลูกเปตองเหมือนกัน ให้เริ่มเล่นใหม่ที่ด้านตรงข้ามโดยให้ทีมที่ได้คะแนนเที่ยวที่แล้วเป็นฝ่ายโยนลูกเป้า<br />
<br />
<b><u>ข้อ 14.,</u></b> ลูกเป้าที่ถูกยิงแล้วเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งเดิม<br />
14.1 ถ้าลูกเป้าที่ถูกยิงแล้วเคลื่อนที่ไปถูกผู้ดู หรือผู้ตัดสินแล้วหยุดให้ลูกเป้านั้นอยู่ในตำแหน่งใหม่<br />
14.2 ถ้าลูกเป้าถูกยิงแล้วเคลื่อนที่ไปถูกผู้เล่นคนหนึ่งคนใดแล้วหยุด
ฝ่ายตรงข้ามที่ทำให้ลูกเป้าหยุดมีสิทธิ์เลือกปฏิบัติตามกฎข้อย่อยดังนี้<br />
ก. ให้ลูกเป้าอยู่ตำแหน่งใหม่<br />
ข. นำลูกเป้ามาวางที่ตำแหน่งเดิม<br />
ค. วางลูกเป้าตามแนวยาวตรงระหว่างตำแหน่งเดิมกับตำแหน่งใหม่แต่ต้องอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้ในกติกาแล้วเริ่มเล่นต่อไปตามปกติ<br />
14.3 กรณีตามข้อ 14.2 (ข) และ(ค)
จะกระทำได้ต่อเมื่อผู้เล่นได้ทำเครื่องหมายที่ตำแหน่งลูกเป้าไว้เท่านั้นมิ
ฉะนั้นจะต้องให้ลูกเป้านั้นอยู่ที่ตำแหน่งใหม่<br />
<br />
<b><u>ข้อ 15.</u></b> ในระหว่างการเล่นแต่ละเที่ยวหากลูกเป้า
เคลื่อนที่ไปอยู่ในสนามอื่นถือว่ายังดีอยู่ ในเที่ยวต่อไป
จะต้องกลับมาเล่นที่สนามเดิมด้านตรงข้ามแต่ต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในกติกา
ข้อ 7<br />
ลูกเปตอง<br />
<b><u>ข้อ 16.</u></b> ผู้เล่นคนหนึ่งคนใดในทีมที่ชนะในการเสี่ยงหรือชนะในเที่ยวที่แล้วเป็นผู้โยนลูกเป้า และลูกเปตองลูกแรก<br />
16.1
ห้ามผู้เล่นใช้เครื่องช่วยอื่นใดหรือแม้แต่ขีดเส้นบนพื้นสนามเพื่อเป็นที่
สังเกตุจุดตกของลูกเปตองที่ตนจะโยนและไม่อนุญาตให้
ผู้เล่นถือลูกเปตองหรือสิ่งอื่นในมืออีกข้างหนึ่งในขณะโยนลูกเปตองลูกสุด
ท้ายของตน (ยกเว้นผ้าเช็ดลูกเปตอง) <br />
16.2 ห้ามทำให้ลูกเปตองหรือลูกเป้าเปียกน้ำ (ยกเว้นกรณีฝนตก)<br />
16.3 ถ้าลูกเปตองลูกแรกที่เล่นไปแล้วเกิดฟาล์ว
ต้องเปลี่ยนให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้เล่น และถ้าลูกที่โยนไป
ยังฟาล์วอยู่จะสลับกันโยน ฝ่ายละ 1 ลูก
จนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโยนลูกเปตองได้ดีแล้ว จึงเล่นต่อไปตามปกติ<br />
16.4
ฝ่ายใดที่ทำให้ลูกเปตองในสนามฟาล์วทั้งหมดโดยไม่มีลูกเปตองเหลืออยู่ในสนาม
ฝ่ายที่ทำให้ลูกเปตองฟาล์วจะต้องเป็นฝ่ายเล่น ลูกต่อไป
ทั้งนี้หากมีปัญหาให้ใช้กติกาข้อ 29 เป็นหลัก<br />
<br />
<b><u>ข้อ 17</u>.</b> เมื่อผู้เล่นคนหนึ่งคนใต ได้เข้าไปยืนอยู่ในวงกลมเพื่อเตรียมเล่นแล้ว ผู้ดูและนักกีฬาทุกคนต้องอยู่ใน ความสงบ<br />
17.1
ห้ามผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามเดินหรือแสดงท่าทางอย่างหนึ่งอย่างใดที่เป็นการรบกวน
สมาธิของผู้ที่กำลังเล่น เว้นแต่ผู้ร่วมทีมเท่านั้น
ที่มีสิทธิ์เข้าไปอยู่ในสนาม เพื่อแนะแนวทางการโยนลูกเปตองของฝ่ายตนได้<br />
17.2 ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามจะต้องยืนอยู่ด้านข้าง หรือด้านหลังของผู้เตรียนมเล่นและจะต้องอยู่ห่างไม่น้อยกว่า 2 เมตร<br />
17.3 ผู้เล่นที่ฝ่าฝืนกฎข้อ 17 ผู้ตัดสิน จะต้องเตือนก่อน 1 ครั้ง
และถ้ามีการฝ่าฝืนซ้ำอีก ผู้ตัดสินอาจพิจารณาให้ออกจากการ แข่งขันก็ได้<br />
<br />
<b><u>ข้อ 18.</u></b> ลูกเปตองทุกลูกที่โยน
ไปแล้ว ห้ามนำมาโยนใหม่เว้นแต่ลูกเปตองที่โยนไปแล้วถูกหยุด หรือเปลี่ยน
ทิศทางโดยบังเอิญ
เนื่องจากถูกลูกเปตองหรือลูกเป้าซึ่งเคลื่อนที่มาจากสนามอื่นหรือถูกสัตว์
และสิ่งเคลื่อนไหวอื่นๆ กรณีนี้ให้นำลูกเปตองกลับมาโยน ใหม่ได้<br />
18.1 ห้ามทดลองโยนลูกเปตองในระหว่างการแข่งขัน<br />
18.2
เมื่อคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้กำหนดเส้นเขตสนามแต่ละสนามเรียบร้อยแล้ว
ผู้เล่นแต่ละทีมจะต้องลงทำการแข่งขันใน สนามที่กำหนดให้
ในระหว่างการเล่นหากลูกเปตองออกนอกสนามให้ถือว่ายังดีอยู่
(เว้นแต่ที่ได้กำหนดไว้ในข้อ 19)<br />
18.3 ในการณีที่สนามแข่งขันทั้งหมดมีขอบกั้นอยู่
ขอบกั้นนั้นจะต้องอยู่รอบนอกขอบเส้นฟาล์ว และจะต้องห่างกันไม่น้อยกว่า 0.30
เมตร<br />
18.4 เส้นฟาล์วจะต้องอยู่รอบนอกเส้นเขตสนามและจะต้องห่างกัน 1 เมตร เป็นอย่างน้อย และไม่เกิน 4 เมตร เป็นอย่างมาก<br />
<b><u>ข้อ 19.</u></b> ลูกเปตองทุกลูกที่
กลิ้งผ่านเส้นฟาล์วและย้อนกลับเข้ามาในสนามถือว่าเป็นลูกฟาล์วแต่ถ้าลูกเปต
อง ทับอยู่บนเส้นฟาล์วยังไม่ผ่านเลยออกไปให้ถือว่าเป็นลูกดีอยู่
ลูกจะฟาล์วก็ต่อเมื่อได้ผ่านพ้นเส้นเขตสนาม และเส้นฟาล์วออกไปทั้งลูก<br />
19.1
ถ้าลูกเปตองผ่านพ้นเส้นฟาล์วและไปกระทบกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือจากความลาด
เอียงของพื้นที่ทำให้ลูก เปตองนั้นย้อนกลับ เข้ามาในสนามอีก
ถือว่าเป็นลูกฟาล์ว
และทุกสิ่งที่ถูกเคลื่อนที่โดยลูกเปตองที่ฟาล์วนั้นให้กลับมาวางที่ตำแหน่ง
เดิมทั้งหมด ส่วนสิ่งของที่ไม่อยู่ในการเล่นให้ เอาออกพ้นสนามทันที<br />
19.2 ลูกเปตองที่ฟาล์วแล้ว ต้องนำออกนอกสนามทันที มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นลูกดีหลังจากการโยนลูกเปตองอีกลูกหนึ่งไปแล้ว<br />
<br />
<b><u>ข้อ 20.</u></b> ลูกเปตองลูกที่โยนไปแล้วถูกทำให้หยุด ให้ปฏิบัติตามกฎข้อย่อย ดังนี้<br />
20.1 โดยผู้ดู หรือผู้ตัดสินให้ลูกเปตองนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ถูกทำให้หยุด<br />
20.2 โดยผู้เล่นฝ่ายเดียวกัน ถือว่าเป็นลูกฟาล์ว<br />
20.3 โดยผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายผู้เล่นจะโยนใหม่ หรือรักษาตำแหน่งที่ลูกเปตองนั้นหยุดก็ได้<br />
20.4
เมื่อลูกเปตองหนึ่งที่ถูกยิงไปแล้วถูกทำให้หยุดโดยผู้เล่นคนหนึ่งผู้เล่น
ฝ่ายตรงข้ามของผู้ที่ทำให้ลูกเปตองนั้นหยุด อาจเลือกเล่น ตามกฎข้อย่อย
ดังนี้<br />
(ก) ให้ลูกเปตองนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ถูกทำให้หยุด<br />
(ข)
ให้นำลูกเปตองนั้นมาวางตามแนวตรงระหว่างตำแหน่งเดิมกับตำแหน่งใหม่ตามความพอ
ใจแต่ต้องเป็นตำแหน่งที่สามารถเล่นต่อได้และ
ได้ทำเครื่องหมายไว้ก่อนเท่านั้น<br />
(ค) ผู้เล่นที่มีเจตนาทำให้ลูกเปตองที่เคลื่อนที่หยุดจะถูกปรับให้แพ้ทั้งทีมทันที<br />
<br />
<b><u>ข้อ 21.</u></b> เมื่อโยนลูกเปตอง
หรือลูกเป้าไปแล้วผู้เล่นทุกคนมีเวลาสำหรับโยนลูกเปตองภายใน 1 นาที
โดยเริ่มจับ เวลาตั้งแต่ลูกเป้าหรือลูกเปตองที่เล่นไปแล้วนั้นหยุด
หากมีการวัดเกิดขึ้น ให้เริ่มจับเวลาเมื่อการวัดนั้นเสร็จสิ้นลง<br />
21.1 กฎกำหนดเวลานี้ให้ใช้สำหรับการโยนลูกเป้าทุกครั้งด้วย<br />
21.2 ผู้เล่นที่ไม่ปฏิบัติตามกฎกำหนดเวลานี้ จะถูกลงโทษตามที่ได้กำหนดไว้ในข้อ 10. <br />
<div align="center">
<img border="1" height="280" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/about76.jpg" width="210" /><br />
<br />
<b><u>ข้อ 22.</u></b> ถ้าลูกเปตองลูกหนึ่ง
หยุดนิ่งแล้วเคลื่อนที่ไปใหม่
เนื่องจากถูกลมพัดหรือเนื่องจากความลาดเอียงของ
สนามก็ตามจะต้องนำลูกเปตองนั้นมาวางที่ตำแหน่งเดิมสำหรับลูกเปตองนั้นมาวาง
ที่ตำแหน่งเดิมสำหรับลูกเปตองที่เคบื่อนที่โดยอุบัติเหตุจากผู้เล่น ผู้ดู
สัตว์ สิ่งที่เคลื่อนไหวอื่นๆ
ก็จะต้องนำกลับมาวางที่ตำแหน่งเดิมเช่นเดียวกันเพื่อหลีกเลี่ยงการประท้วง
ทั้งปวง ผู้เล่นทุกคนควรทำเครื่องหมายตาม ตำแหน่งลูกเป้า
และลูกเปตองไว้ทั้งหมด</div>
<b><u>ข้อ 23.</u></b> ผู้
เล่นที่นำลูกของผู้อื่นไปเล่นจะถูกเตือน 1 ครั้ง
และลูกเปตองที่เล่นไปนั้นยังคงถือว่าเป็นลูกดี
และต้องนำลูกเปตองของตนไปเปลี่ยนแทนที่ตำแหน่งนั้นทันที
เมื่อการวัดได้สิ้นสุดลง<br />
23.1
ถ้ามีการกระทำผิดซ้ำในเกมส์เดียวกันให้ถือว่าลูกเปตองนั้นเป็นลูกฟาล์วและ
ทุกสิ้งที่ถูกลูกเปตองนั้นทำให้เคลื่อนที่ไปจะต้อง นำกลับมาวางไว้ที่เดิม<br />
23.2
ก่อนการโยนลูกเปตองทุกครั้งผู้เล่นจะต้องทำความสะอาดลูกเปตองของตน
มิให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดติดอยู่มิฉะนั้นจะถูกลงโทษตามที่ กำหนดไว้ในข้อ 10.<br />
<br />
<b><u>ข้อ 24.</u></b> ลูกเปตองทุกลูกที่โยน
ไปผิดเงื่อนไขตามกติกา
ถือว่าเป็นลูกฟาล์วและทุกสิ่งที่ถูกลูกเปตองนั้นทำให้เคลื่อน
ที่ไปจะต้องนำมาวางที่ตำแหน่งเดิมกฎนี้ให้ใช้สำหรับลูกเปตองที่ผู้เล่นยืน
ผิดวงกลมซึ่งไม่ใช่วงกลมเดิมที่โดยลูกเป้าที่ถูกต้อง
(ทีมที่โยนลูกเป้าต้องลบรอยขีด วงกลมเก่าที่อยู่บริเวณใกล้เคียงออกให้หมด)<br />
ในกรณีเช่นนนี้ฝ่ายตรงข้ามมีสิทธิ์ปฏิบัติตามกฎว่าด้วยการได้เปรียบและ
ยอมให้ลูกเปตองที่โยนไปนั้นเป็นลูกดีก็ได้ ถ้าเห็นว่า
ลูกของฝ่ายตนได้เปรียบคู่ต่อสู้<br />
การวัดระยะและการวัดคะแนน <br />
<b><u>ข้อ 25.</u></b> ในการวัดคะแนนอนุญาต
ให้โยกย้ายลูกเปตองหรือสิ่งกีดขวางต่างๆ ที่อยู่ระหว่างลูกเป้าและลูกเปตอง
ที่เกี่ยวข้องได้แต่ต้องทำเครื่องหมายที่ตำแหน่งสิ่งนั้น ๆ
ไว้ก่อนโยกย้ายเมื่อการวัดคะแนนเสร็จสิ้นลง
ให้นำทุกสิ่งที่โยกย้ายไปนั้นกลับมาวางที่ตำแหน่งเดิม ทั้งหมด
ถ้าสิ่งกีดขวางที่มีปัญหานั้นไม่อาจโยกย้ายได้ ให้ใช้วงเวียนทำการวัด<br />
<b><u>ข้อ 26.</u></b> ใน
การวัดคะแนนระหว่างลูกเปตอง 2 ลูก
ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันมากผู้เล่นคนหนึ่งได้วัดไปแล้ว และบอกว่า ฝ่ายตนได้
ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามมีสิทธิ์ที่จะวัดใหม่ เพื่อความแน่ใจและถูกต้อง (
ส่วนอุปกรณ์การวัด ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานห้ามวัดโดยการนับระยะ เท้า
)
เมื่อทั้งสองฝ่ายได้วัดคะแนนแล้วหลายครั้งยังตกลงไม่ได้ต้องให้ผู้ตัดสิน
เป็นผู้วัดเพื่อตัดสิน และผลการตัดสินถือเป็นที่สิ้นสุดยุติ
และหากผู้เล่นฝ่าฝืน กติกาข้อนี้ให้ผู้ตัดสินตักเตือน 1 ครั้ง
หากยังฝ่าฝืนอีกให้ปรับเป็นแพ้<br />
<div align="center">
<img border="1" height="215" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/about73.JPG" width="214" /></div>
<b><u>ข้อ 27.</u></b> เมื่อเสร็จสิ้นการ
แข่งขันแต่ละเที่ยวลูกเปตองทุกลูกที่ถูกนำออกก่อนการวัดคะแนน
ให้ถือว่าเป็นลูกฟาล์ว และไม่มีสิทธิ์โต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น<br />
<b><u>ข้อ 28.</u></b> ถ้าผู้เล่นฝ่ายหนึ่ง
ฝ่ายใดทำการวัดคะแนนแล้ว
ไปทำให้ลูกเป้าหรือลูกเปตองที่มีปัญาหานั้นเคลื่อนที่
จะต้องเป็นฝ่ายเสียคะแนนนั้นไป
และในการวัดแต่ละครั้งต้องให้ผู้เล่นของทีมที่ทำให้ลูกเปตองเกิดปัญหา
ทำการวัดก่อนทุกครั้งไปในการวัดคะแนนแต่ ละครั้งก่อนทำการวัด
ผู้ตัดสินต้องทำการคาดคะเนเสียก่อนว่าลูกใดได้เปรียบและถ้าได้วัดไปแล้ว
บังเอิญผู้ตัดสินไปทำให้ลูกเปตองหรือลูกเป้าเคลื่อนที่
ผู้ตัดสินจะต้องทำการวัดใหม่
และภายหลังการวัดปรากฏว่าลูกเปตองที่คาดคะเนว่าชนะยังคงชนะอยู่
ให้กรรมการตัดสินตามความเป็นจริง แต่ถ้าการวัด
ครั้งใหม่แล้วปรากฏว่าลูกเปตองที่คาดคะเนว่าจะชนะกลับแพ้
ให้ผู้ตัดสินตัดสินด้วยความเที่ยงธรรม<br />
<b><u>ข้อ 29.</u></b> ในกรณีที่ลูกเปตองของทั้งสองฝ่ายมีระยะห่างจากลูกเป้าเท่ากันหรือติดกับลูกเป้าทั้ง 2 ลูก ให้ปฏิบัติตามกฎ ข้อย่อย ดังนี้<br />
29.1 ถ้าทั้งสองฝ่ายหมดลูกเปตองเล่นแล้วการเล่นเที่ยวนั้นถือว่าเป็นโมฆะ
จะต้องเริ่มเล่นใหม่ที่ด้านตรงข้ามโดยผู้เล่นฝ่ายที่ได้คะแนน
ในเที่ยวที่แล้วเป็นผู้โยนลูกเป้า<br />
29.2 ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีลูกเปตองเหลือเล่นอยู่เพียงฝ่ายเดียว
ฝ่ายนั้นจะต้องเล่นจนหมดลูกเปตองเพื่อทำคะแนนเพิ่มเติมตามจำนวนลูก
เปตองที่อยู่ใกล้เป้ามากที่สุด
<br />
29.3 ถ้าทั้งสองฝ่ายยังมีลูกเปตองเหลืออยู่
ฝ่ายที่โยนลูกเปตองที่หลังจะต้องเป็นฝ่ายเล่นลูกต่อไปถ้าลูกเปตองทั้งสอง
ฝ่ายยังเสมอกัน
อยู่อีกต้องเปลี่ยนให้อีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เล่นและต้องสลับกันโยนฝ่ายละ 1
ลูก จนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะได้คะแนนแล้วเล่นต่อไปตามปกติ<br />
<div align="center">
<img border="0" height="122" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/about74.jpg" width="185" /></div>
<b><u>ข้อ 30.</u></b> หากมีสิ่งหนึ่งสิงใดเกราะติดกับลูกเปตองหรือลูกเป้าจะต้องเอาสิ้งนั้นออกก่อนการวัดคะแนนทุกครั้ง<br />
<b><u>ข้อ 31.</u></b> การเสนอข้อประท้วงต่อ
ผู้ตัดสินจะกระทำได้ในระหว่างการแข่งขันของแต่ละเกมส์เท่านั้น
เมื่อเกมส์การ แข่งขันนั้นๆ ได้สิ้นสุดลงจะไม่มีสิทธิ์ประท้วงใดๆ ทั้งสิ้น
เพื่อประโยชน์ของฝ่ายตน
ผู้เล่นทุกคนต้องคอยระวังการละเมิดกติกาของฝ่ายตรงข้าม บัตรประจำตัว
นักกีฬา รุ่นของผู้เล่น สนามแข่งขัน มาตรฐานของลูกเปตอง เป็นต้น<br />
<b><u>ข้อ 32.</u></b> ในขณะทำการจับสลากและ
การประกาศผลการจับสลาก ผู้เล่นทุกคนต้องอยู่พร้อมกันที่โต๊ะอำนวยการ
หลังจากการประกาศผลไปแล้ว 15
นาทีทีมที่ไม่ได้ลงสนามแข่งขันจะถูกปรับเสียคะแนนให้แก่ฝ่ายตรงข้าม 1
คะแนน<br />
32.1 หากเกินกำหนดเวลา 15 นาทีไปแล้ว การปรับคะแนนจะทวีเพิ่มขึ้น 1 คะแนนทุกๆ 5 นาที<br />
32.2 บทลงโทษตามข้อ 32 จะมีผลบังคับหลังจากการประกาศให้เริ่มทำการแข่งขันทุกครั้ง<br />
32.3 หลังจากประกาศการแข่งขันได้ผ่านพ้นไปแล้ว 1 ชั่วโมง ทีมที่ยังไม่ได้ลงแข่งขันจะถูกปรับให้เป็นผู้แพ้ในเกมส์นั้น<br />
32.4 ทีมที่มีผู้เล่นไม่ครบจำนวนก็ต้องลงทำการแข่งขันตามเวลากำหนดโดยไม่
อนุญาตให้รอผู้ร่วมทีมที่มาล่าช้าและจะเล่นลูกเปตอง
ได้ตามจำนวนที่ผู้เล่นมีสิทธิ์เท่านั้น(ตามประเภทที่แข่งขัน)<br />
<b><u>ข้อ 33.</u></b> เมื่อการแข่งขันใน
เที่ยวนั้นได้เริ่มเล่นไปแล้ว
ผู้เล่นที่มาล่าช้าไม่มีสิทธิ์ลงเล่นในเที่ยวนั้นทันที
แต่อนุญาตให้ลงเล่นในเที่ยวต่อไปได้<br />
33.1 เมื่อการแข่งขันในเกมส์นั้น ได้ดำเนินไปแล้ว 1 ชั่วโมง ผู้เล่นที่มาล่าช้าหมดสิทธิ์ลงทำการแข่งขันในเกมส์นั้น<br />
33.2 ถ้าการแข่งขันนั้นแบ่งเป็นสายจะอนุญาตให้ผู้เล่นที่มาล่าช้าลงแข่ง
ขันในเกมส์ที่ 2 ได้ไม่ว่าผลการแข่งขันในเกมส์แรกจะ แพ้หรือชนะก็ตาม<br />
33.3 หากทีมที่มีผู้เล่นไม่ครบจำนวนสามารถชนะการแข่งขันในเกมส์นั้นจะ
อนุญาตให้ผู้เล่นที่มาล่าช้าลงแข่งขันในเกมส์ต่อไปได้
แต่ต้องเป็นผู้เล่นของทีมนั้น และต้องมีชื่อถูกต้องในใบสมัครด้วย <br />
33.4 การแข่งขันแต่ละเที่ยวจะถือว่าเริ่มขึ้นแล้วก็ต่อเมื่อ ลูกเป้าที่โยนไปในสนามนั้นได้ตำแหน่งถูกต้องตามกติกา<br />
<b><u>ข้อ 34.</u></b> การ
เปลี่ยนตัวผู้เล่น จะอนุญาตให้กระทำได้ก่อนการจับสลากการแข่งขันเท่านั้น
และต้องเป็นผู้เล่น ที่ไม่มีรายชื่ออยู่ในการแข่งขันเดียวกัน<br />
<b><u>ข้อ 35.</u></b> ในระหว่างการแข่งขัน
หากมีฝนตก
ให้แข่งขันต่อไปจนจบเที่ยวเว้นแต่มีเหตุสุดวิสัยไม่สามารถแข่งขัน
ต่อไปจนจบเที่ยวหรือไม่สามรถแข่งขันต่อไปได้ผู้ตัดสินและผู้ชี้ขาดเท่านั้น
ที่มีอำนาจให้หยุดพัการแข่งขันชั่วคราวหรือยกเลิกการแข่งขันนั้น<br />
35.1 หลังจากการประกาศเพื่อเริ่มต้นการแข่งขันในรอบใหม่แล้รอบสองหรือรอบ
ต่อๆไป หากยังมีบางทีมและบางสนามยังแข่งไม่ เสร็จ
ผู้ตัดสินอาจดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่ตนเห็นสมควรด้วยความเห็นชอบ
ของคณะกรรมการจัดการแข่งขันเพื่อให้การแข่งขันนั้นดำเนินไป ด้วยดี<br />
35.2 ในระหว่างการแข่งขัน ผู้เล่นทุกคนที่จะออกไปจากสนาม
ตัองได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสินเสียก่อน มิฉะนั้นจะถูกลงโทษตาม
ที่กำหนดไว้ในข้อ 32 และข้อ 33<br />
<b><u>ข้อ 36.</u></b> ในการแข่งขันรอบชิง
ชนะเลิศ หรือรอบอื่นๆ ก็ตาม ห้ามผู้เล่นทั้งสองฝ่ายสมยอมกัน
หรือแบ่งรางวัล กันโดยเด็ดขาด
ถ้าผู้เล่นทั้งสองฝ่ายแข่งขันกันไม่สมศักดิ์ศรี เป็นการหลอกลวงผู้ดู
ผู้ควบคุมทีม และผู้ตัดสิน ผู้เล่นทั้งสองทีมจะถูกลงโทษให้ออกจาก
การแข่งขันและผลการแข่งขันที่ผ่านมาก่อนหน้านั้น
ก็ให้ถือเป็นโมฆะด้วยนอกจากนั้นแล้ว ผู้เล่นทั้งสองทีม
จะต้องถูกพิจารณาลงโทษตามที่กำหนด ไว้ใน ข้อ 37 อีกด้วย<br />
<b><u>ข้อ 37</u>.</b> ผู้เล่นที่มีพฤติกรรม
อันเป็นการผิดมารยาทอย่างรุนแรงต่อผู้ควบคุมทีม ผู้ตัดสิน ผู้เล่นคนอื่นๆ
หรือผู้ดูจะถูกลงโทษตามสภาพของความผิด ดังนี้<br />
ก. ให้ออกจากการแข่งขัน<br />
ข. ถอนใบอนุญาต ( บัตรประจำตัวนักกีฬา)<br />
ค. งดให้รางวัล หรือเงินรางวัล<br />
37.1 การลงโทษผู้เล่นที่กระทำผิดอาจมีผลถึงผู้ร่วมทีมด้วย<br />
37.2 บทลงโทษ (ก) และ (ข) เป็นอำนาจของผู้ตัดสิน<br />
37.3 บทลงโทษ (ค)
เป็นอำนาจของคณะกรรมการจัดการแข่งขันที่จะต้องทำรายงาน
และส่งรางวัลที่ยึดไว้นั้นให้สมาคมสหพันธ์ฯ ทราบภายใน 48 ชั่วโมง
เพื่อพิจารณาตามที่เห็นสมควรต่อไป<br />
37.4 การลงโทษทุกกรณี เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารสมาคมมสหพันธ์ฯ ที่จะพิจารณาเป็นขั้นตอนสุดท้าย<br />
<b><u>ข้อ 38.</u></b> ผู้ตัดสินทุกคนที่ได้
รับการแต่งตั้งจากสหพันธ์เปตองนานาชาติหรือสมาคมสหพันธ์เปตองแห่งประเทศไทย
มีหน้าที่คอยควบคุมดูแลให้การแข่งขันดำเนินไปอย่างมีระเบียบและถูกต้องตาม
กติกาอย่างเคร่งครัด และมีอำนาจให้ผู้เล่นทุกคน หรือทุกทีมที่ปฏิเสธ
ไม่ปฏิบัติตามคำสัดสิน ออกจากการแข่งขันได้<br />
38.1 หากมีผู้ซึ่งเป็นนักกีฬาในสังกัดของสหพันธ์ฯ
เป็นต้นเหตุทำให้เกิดการจราจลในสนามแข่งขัน
ผู้ตัดสินจะต้องรายงานให้สหพันธ์ฯทราบ
ทางสหพันธ์ฯจะได้เรียกตัวผู้กระทำผิดนั้นมาชี้แจงต่อคณะกรรมการระเบียบ
วินัย เพื่อพิจารณาลงโทษต่อไป<br />
<b><u>ข้อ 39.</u></b> หากกรณีอื่นใดที่มิ
ได้กำหนดไว้ในกติกานี้
เป็นหน้าที่ของผู้ตัดสินที่จะต้องขอความร่วมมือคณะกรรมการ
ชี้ขาดการแข่งขันครั้งนั้นเพื่อพิจารณาตัดสินชี้ขาดตามสมควรแก่กรณี
(คณะกรรมการชี้ขาดประกอบด้วยกรรมการ 3 คนหรือ 5 คน)<br />
39.1 การชี้ขาดของคณะกรรมการผู้ตัดสินชี้ขาดถือเป็นการสิ้นสุด
ในกรณีมีเสียงเท่ากันให้ประธานกรรมการผู้ตัดสินชี้ขาดเป็นผู้ชี้ขาด<br />
39.2 ผู้เล่นทุกคนจะต้องแต่งกายให้เรียบร้อย การไม่สวมเสื้อ
ไม่สวมร้องเท้า ถือว่ามีความผิด ผู้เล่นที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎนี้ถ้าผู้
ตัดสินตักเตือน 1 ครั้ง
และหากยังเพิกเฉยฝ่าฝืนอยู่อีกจะถูกลงโทษให้ออกจากการแข่งขันAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-3648332627910639732012-08-30T19:19:00.002-07:002012-08-30T19:19:51.999-07:00อุปกรณ์การเล่นเปตอง<div align="left">
<u>อุปกรณ์การเล่นเปตอง</u><br />
<br />
<img height="274" id="il_fi" src="http://c.static.fsanook.com/shopping/uploaded/large/2008/10/06/18/9tISn1212394598-1.jpg" style="padding-bottom: 8px; padding-right: 8px; padding-top: 8px;" width="410" /><br />
<br />
<b> 1.</b><b> ลูกบูล</b> <br />
เป็นลูกทรงกลมด้านในกลวง ทำด้วยโลหะ
มีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 70.5-80 มิลลิเมตร มีน้ำหนักระหว่าง 650 – 800
กรัม มีเครื่องหมายของโรงงานผู้ผลิต ตัวเลขแสดงน้ำหนัก
และเลขรหัสปรากฏอยู่บนลูกบูลอย่างชัดเจน และควรเป็นลูกบูลที่ได้รับการ
รับรองจากสหพันธ์เปตองนานาชาติและสมาคมเปตองแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี <br />
<div align="center">
<img border="1" height="240" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/spd_20090311152148_b.jpg" width="348" /></div>
<div align="left">
<br />
<b> 2.</b><b> ลูกเป้า</b> <br />
เป็นลูกทรงกลมแต่ทำด้วยไม้หรือวัสดุสังเคราะห์
มีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 25-35 มิลลิเมตร และอาจทาสีได้
แต่ต้องเป็นสีที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในขอบเขตของสนาม</div>
<div align="center">
<img border="1" height="147" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/petanque4.jpg" width="450" /></div>
<div align="left">
<b> 3.</b><b> สนามเล่น</b> <br />
เปตองเล่นได้กับทุกสภาพสนาม
โดยทั่วไปมีด้านหน้าเรียบยาวตรงพอประมาณ ขนาดของสนาม กว้าง 4 เมตร ยาว 15
เมตร พื้นไม้ คอนกรีต และพื้นหญ้าไม่เหมาะสำหรับกีฬาประเภทนี้</div>
<div align="center">
<img border="1" height="368" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/petanque1.jpg" width="491" /></div>
<div align="left">
<b> 4.</b><b> เทปสายวัด</b></div>
<div align="center">
<img border="1" height="122" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/petanque2.jpg" width="185" /></div>
<div align="left">
<br /></div>
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-67605457807758843452012-08-30T19:17:00.003-07:002012-08-30T19:17:55.971-07:00ประโยชน์ของกีฬาเปตอง<strong>พัฒนาทางด้านร่างกาย</strong><br />
- กำลังแขน ผู้เล่นจะฝึกการใช้กำลังทั้งนิ้วมือ ข้อมือ
แขน ข้อศอก และหัวไหล่ให้สัมพันธ์กัน เพื่อการบังคับลูกให้ได้จังหวะ
และระยะที่ต้องการ<br />
- กำลังขา
ผู้เล่นจะต้องเดินไปเดินมาตามความยาวของสนามซึ่งมีขนาดยาว 15 เมตร กว้าง 4
เมตร ลุกนั่ง เพื่อการวาง หรือเข้าลูกตลอดเวลาการเล่น<br />
- สายตา
กีฬาเปตองช่วยให้เกิดการทำงานที่สัมพันธ์กันระหว่างสายตา และมือ
เนื่องจากต้องใช้สายตา กะระยะทาง พิจารณาแง่มุมต่าง ๆ ที่จะเข้าลูกตีลูก
เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพตามต้องการ
<br />
<div align="center">
<img border="1" height="198" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/about52.jpg" width="300" /><br />
</div>
<br />
<strong> พัฒนาการทางด้านสติปัญญา</strong><br />
- กีฬาเปตองเป็นเกมการเล่นที่จำเป็นต้องอาศัยการคิด
คาดคะเน และการอ่านเกมในการเล่น อย่างจริงจัง
คิดเกมรับเมื่อเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
และเกมรุกที่บังคับให้ฝ่ายตรงข้ามเล่นตามเกมที่เราวางไว้<br />
<br />
<div align="center">
<img border="1" height="226" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/about53.jpg" width="293" /></div>
<br />
<strong></strong><br />
<strong>พัฒนาการทางด้านจิตใจ</strong><br />
- กีฬาเปตองมีทั้งเดี่ยว คู่ทีม
ผู้เล่นจะต้องเข้าใจถึงจิตใจของผู้ร่วมทีมเป็นอย่างดี มีการปรึกษาหารือกัน
ยอมรับความคิดของกัน และกัน แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้นำ และผู้ตามที่ดี
สมาธิเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งไม่ว่าเป็นการเล่นประการใด ๆ
ผู้เล่นจะต้องฝึกการวางเฉย ทำจิตให้สงบ ทำสมาธิให้ได้ ตั้งความหวังให้น้อย
กว่าความเป็นจริง ไม่วิตกกังวลเกินไป ไม่ท้อถอยในการเล่น
ไม่สนใจเสียงข่มขวัญ เสียงเชียร์ที่ดัง การสอนเกมการเล่นของฝ่ายตรงข้าม
เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้เกิดความกังวลสับสน จะมีผลต่อเกมการเล่น
ถ้าสมาธิไม่ดีพอ<br />
<div align="center">
<br />
<img border="1" height="168" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/about51.jpg" width="168" /></div>
<br />
<strong>การพัฒนาการทางด้านสังคม</strong><br />
- กีฬาเปตอง เป็นกีฬาที่เล่นได้ไม่ยาก
จึงมีผู้นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายจะเห็นได้ว่าในหมู่บ้าน
หน่วยงานของรัฐและเอกชนได้จัดให้มีการแข่งขัน
เพื่อให้ผู้เล่นได้มาพบปะสังสรรค์ได้รู้จักและได้ร่วมสนุกกัน
นับเป็นการสร้างสังคมอันดีแก่นักกีฬา นอกจากนี้ยังลดปัญหาสารเสพติด
เนื่องจากคนหันมาเล่นกีฬาล่งผลให้ปัญหาอาชญากรรมลดลง<br />
- ดังนั้นการเล่นกีฬาเปตองจำเป็นต้องรู้พื้นฐานของการเล่น การใช้เทคนิคทุกรูปแบบAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-64758529787530189112012-08-30T19:16:00.001-07:002012-08-30T19:16:47.446-07:00จุดเริ่มต้น เปตองการกุศล “<div align="left">
<u>จุดเริ่มต้น เปตองการกุศล </u><u>“</u><u>ท่าเรือโอเพ่น</u><u>”</u><br />
<br />
<img height="400" id="il_fi" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/about51.jpg" style="padding-bottom: 8px; padding-right: 8px; padding-top: 8px;" width="400" /><br />
การจัดการแข่งขันเปตองการกุศล “ท่าเรือโอเพ่น”
ของการท่าเรือฯได้เริ่มมีขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2531 จากความคิดริเริ่มของ
เรือเอกพงษ์ศักดิ์ วงศ์สมุทร ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย
ที่ต้องการจัดกิจกรรมทางกีฬาซึ่งนอกจากวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการแข่งขัน
ในเกมส์กีฬาแล้วยังจะต้องมีประโยชน์ต่อสาธารณะกุศลอีกด้วย
การจัดการแข่งขันเปตองการกุศล “ท่าเรือโอเพ่น”
จึงได้ถือกำเนิดขึ้นโดยได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหพันธ์เปตองแห่งประเทศไทยฯ
เป็นผู้ประสานความคิดริเริ่มให้เกิดเป็นความจริง นอกจากนี้ นายพยุงกิจ
จิวะมิตร ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอนุกรรมการกีฬาเปตอง การท่าเรือฯ ในขณะนั้น
ได้ขอพระราชทานถ้วยรางวัลจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และ
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ
เพื่อเป็นถ้วยรางวัลแก่ทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันเปตอง “ท่าเรือโอเพ่น”
ซึ่งการท่าเรือฯได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากทั้งสองพระองค์
พระราชทานถ้วยรางวัลดังกล่าว นับจากนั้นเป็นต้นมา การท่าเรือฯ
ได้จัดการแข่งขันเปตอง “ท่าเรือโอเพ่น”
เป็นประเพณีอย่างต่อเนื่องมาทุกปีจนถึงปัจจุบัน
โดยมีกำหนดจัดการแข่งขันในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี
ซึ่งเป็นช่วงคล้ายวันสถาปนาการท่าเรือฯ 16 พฤษภาคม <br />
<strong>วัตถุประสงค์ในการจัดการแข่งขันเปตองการกุศล </strong><strong>“</strong><strong>ท่าเรือโอเพ่น</strong><strong>”</strong><br />
1.เพื่อหารายได้สมทบทุน
ทูลเกล้าฯถวายเพื่อโดยเสด็จพระราชกุศล ตามพระราชอัธยาศัย
โดยในแต่ละปีคณะกรรมการจัดการแข่งขันจะกำหนดว่า จะถวายรายได้กับพระองค์ใด <br />
2.เพื่อน้อมรำลึกสดุดี
และสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จย่า และ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
ในการเผยแพร่พัฒนาและยกระดับกีฬาเปตองให้ได้มาตรฐานสากล
และส่งเสริมให้มีการเล่นอย่างถูกกติกาสากลให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และ
เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะทั้งเจ้าหน้าที่และนักกีฬา<br />
<br />
<img height="678" id="il_fi" src="https://fbcdn-sphotos-a.akamaihd.net/hphotos-ak-snc6/283753_471662226196496_1111660522_n.jpg" style="padding-bottom: 8px; padding-right: 8px; padding-top: 8px;" width="452" /> <br />
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-8065844565354145002012-08-30T19:15:00.002-07:002012-08-30T19:15:21.669-07:00เปตอง กีฬาสมเด็จย่า<div align="left">
<u>เปตอง กีฬาสมเด็จย่า</u><br />
<div align="center">
<img height="335" src="http://www1.port.co.th/pentanque/art_259454.jpg" width="260" /></div>
<br />
“เปตองเป็นยาวิเศษสำหรับฉัน” เป็นคำตรัสของ
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีหรือสมเด็จย่าของปวงชนชาวไทยพระองค์โปรดการ
เล่นกีฬาเปตองเป็นอย่างยิ่ง
พระองค์ทรงพระราชทานกีฬาเปตองให้แก่พสกนิกรชาวไทย
ไว้เพื่อออกกำลังกายและแข่งขัน
อีกทั้งพระองค์ทรงเล็งเห็นว่าเปตองเป็นกีฬาที่ดี มีประโยชน์ เล่นง่าย
และค่าใช้จ่ายน้อย
เป็นกีฬาที่เหมาะสำหรับคนไทยเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ท่านทรงเล่นกีฬาเปตองเป็น
การออกพระกำลังกายเป็นประจำจนพบว่าทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงห่างไกลโรคอีก
ด้วย เมื่อมีโอกาสเสด็จไปเยี่ยมราษฎรตามชนบท
ยังโปรดให้ข้าราชบริพารและประชาชนได้มาร่วมเล่นอย่างไม่ถือพระองค์พร้อมกับ
มีพระราชประสงค์ที่จะให้เกิดความรู้รักสามัคคี <br />
<div align="center">
<img height="216" src="http://www1.port.co.th/pentanque/1135595274.jpg" width="288" /></div>
โดยใช้กีฬาเปตองที่พระองค์ทรงถนัดเป็นจุดศูนย์กลาง
เชื่อมความสามัคคี ซึ่งนับว่าได้ผลดีอย่างยิ่ง ไม่ว่าพระ
องค์จะทรงทำกิจกรรมใด ๆ
ก็จะทรงใช้วิธีการเชื่อมโยงให้เกิดผลดีและมีประโยชน์ต่อประเทศชาติและสังคม
ส่วนรวมเสมอ
สมเด็จย่าทรงโปรดเกล้าฯรับสมาคมเปตองแห่งประเทศไทยไว้ในพระอุปถัมภ์
ต่อมาเปลี่ยนชื่อสมาคมเป็น สหพันธ์เปตองแห่ง ประเทศไทย
ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระศรีนคริน ทราบรมราชชนนี
สมเด็จย่าทรงนำกีฬาเปตองเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทย
และส่งเสริมให้ประชาชนชาวไทยได้เล่นกีฬาเปตองจนเป็นที่รู้จักและนิยมเล่นกัน
อย่างแพร่หลายไปทั่วประเทศ
เพื่อให้กีฬาเปตองเป็นยาวิเศษของปวงชนชาวไทยทุกคน
ด้วยเหตุนี้นักกีฬาเปตองทั่วประเทศจึงได้ให้สมญา กีฬาเปตองว่า
“กีฬาสมเด็จย่า” <br />
<strong>เปตองการกุศล...น้อมรำลึก 109 ปี</strong><br />
กทท.จัดเปตอง “เทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี”<br />
การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จะจัดการแข่งขันเปตอง
“เทิดพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี”
ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าภคนีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา
สิริโสภาพัณณวดี เพื่อน้อมรำลึกถึงสมเด็จย่า ณ นิวาสสถานเดิม<br />
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-25980763052642436452012-08-30T19:14:00.001-07:002012-08-30T19:14:51.618-07:00ประวัติความเป็นมาของกีฬาเปตองในประเทศไทย<br />
กีฬา
เปตองได้เริ่มเข้ามาในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ 2518
โดยการริเริ่มของนายจันทร์ โพยหาญ ซึ่งเป็นผู้ บุกเบิก
และนำกีฬาเปตองเข้ามาเผยแพร่ให้คนได้รู้จักอย่างเป็นทางการคนแรก
แต่ขณะนั้นยังขาดอุปกรณ์ การเล่นเปตอง (ลูกบูล) จึงได้ปรึกษา
และชักชวนนายดนัย ตรีทัศนาถาวร และนายชัยรัตน์ คำนวณ ซึ่งเป็น
นักธุรกิจที่มีชื่อเสียงมากในขณะนั้นเป็นผู้ลงทุนสั่งลูกเปตองเข้ามาจำหน่าย
และเผยแพร่ในประเทศไทย<br />
แต่เปตองเป็นกีฬาที่ใหม่อยู่มากในเมืองไทย
ยังมีคนรู้จักน้อยลูกเปตองยังจำหน่ายไม่ได้แต่ นายดนัย ตรีทศ-ถาวร
ซึ่งเป็นผู้ที่มองการณ์ไกล และเห็นประโยชน์ และความสำคัญของกีฬาเปตอง
จึงได้ทำการจ่ายแจกให้แก่ส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ
รวมทั้งภาคเอกชนที่สนใจทั่วไป
เพื่อเป็นการเชิญชวนให้หันมาเล่นกีฬาประเภทนี้ดูบ้าง <br />
ต่อมานายจันทร์ โพยหาญ
ได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากันนายศรีภูมิ สุขเนตร
ซึ่งเป็นอดีตนักเรียนเก่าฝรั่งเศส ซึ่งมีความรู้
ความสามารถในเรื่องของกีฬาเปตองเป็นอย่างดี และอีกท่านยังไม่ได้กล่าวนาม
ได้ร่วมกันจัดตั้งสมาคมเปตองและโปรวังซาลแห่งประเทศไทยขึ้น เมื่อวันที่ 18
พฤศจิกายน 2519 โดยมีนายศรีภูมิ สุขเนตร
เป็นนายกสมาคมคนแรกแต่ก็ไม่ได้รับความสำเร็จเท่าที่ควร
เพราะยังขาดผู้สนับสนุน จนคิดว่าจะล้มเลิกความมุ่งหมายที่จะเผยแพร่ต่อไปอีก
แต่โชคยังเข้าข้างผู้ที่มุ่งหวังกระทำความดีเสมอ
ตราบเมื่อสมเด็จพระศรีนครินทรบรมราชชนนี
เสด็จพระราชดำเนินที่เขื่อนห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี เมื่อ พ.ศ 2521
นายจันทร์ โพยหาญ
ได้นำอุปกรณ์กีฬาเปตองไปแนะนำวิธีการเล่นให้แก่ข้าราชบริพาร
และพระองค์ทรงโปรดปรานมาก ทรงรับสั่งว่า
“พระองค์เคยเล่นกีฬาประเภทนี้ตั้งแต่พระองค์พระชนมายุ 30 กว่า
กีฬาเปตองมีประโยชน์มากได้ทั้งบริหารร่างกายเพื่อให้มีสุขภาพดี
และสร้างสรรค์ความสามัคคีในหมู่คณะซึ่งมีประโยชน์มากมายสำหรับคนไทย
ขอให้นายจันทร์ โพยหาญ จงทำหน้าที่ต่อไป พระองค์ช่วยส่งเสริม
และเผยแพร่ให้อีกทางหนึ่ง” <br />
วันที่ 9
ตุลาคม 2527 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
รับสมาคมเปตองและโปรวังซาลแห่งประเทศไทย ไว้ในพระราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่
22 เมษายน 2530 ได้เปลี่ยนชื่อสมาคมเปตอง
และโปรวังซาลเป็นสหพันธ์เปตองแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรี
นครินทราบรมราชชนนี ต่อม่ได้แก้ไขข้อบังคับสหพันธ์ฯ เพื่อให้เป็นไปตาม
พ.ร.บ.
การกีฬาแห่งประเทศไทยจึงเปลี่ยนชื่อเป็นสหพันธ์เปตองแห่งประเทศไทยเป็น
“สมาคมเปตองแห่งประเทศไทย” เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2543
และได้รับการรับรองจากการกีฬาแห่งประเทศไทย
สนับสนุนงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนสมาคมฯ ประจำปีจากรัฐบาลตั้งแต่ปี ค.ศ 2538
เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน<br />
<br />
ลูกเปตองสมัยโบราณ<br />
<img alt="" src="http://www.petanque.org/postcards/pictures/large/GP_2.jpg" /><br />
ภาพจาก <a href="http://www.petanque.org/postcards/pictures/large/GP_2.jpg">http://www.petanque.org/postcards/pictures/large/GP_2.jpg</a><br />
<br />
ส่วนนี่ เก่าและใหญ่ที่สุด<br />
<img alt="" src="http://www.petanque.org/postcards/pictures/large/Vallee_brion.jpg" /><br />
ภาพจาก <a href="http://www.petanque.org/postcards/pictures/large/Vallee_brion.jpg">http://www.petanque.org/postcards/pictures/large/Vallee_brion.jpg</a><br />
<br />
รุ่นเก๋า&รุ่นหลาน<br />
<img alt="" src="http://www.petanque.org/postcards/pictures/large/Obut_10.jpg" /><br />
ภาพจาก <a href="http://www.petanque.org/postcards/pictures/large/Obut_10.jpg">http://www.petanque.org/postcards/pictures/large/Obut_10.jpg</a><br />
<br />
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-25330553358438595672012-08-30T19:09:00.000-07:002012-08-30T19:09:09.641-07:00ประวัติความเป็นมาของกีฬาเปตอง<div align="left">
<strong><u>ประวัติความเป็นมาของกีฬาเปตอง</u></strong><strong><u> </u></strong><br />
<img height="240" id="il_fi" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/about75.jpg" style="padding-bottom: 8px; padding-right: 8px; padding-top: 8px;" width="348" /><br />
เปตองเป็นกีฬากลางแจ้งประเภทหนึ่งซึ่ง มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์
ประวัติที่แน่นอนไม่มีการบันทึกไว้ แต่มีหลักฐาน จากการเล่าสืบต่อๆ
กันมาว่า กำเนิดขึ้นครั้งแรกในประเทศกรีซ เมื่อประมาณ 2,000 ปี
ก่อนคริสตกาลโดยเก็บก้อนหินที่เป็นทรงกลมจากภูเขาและใต้ทะเลมาเล่นกันต่อมา
กีฬาประเภทนี้ ได้แพร่หลายเข้ามาในทวีปยุโรปเมื่ออาณาจักรโรมันครองอำนาจ
และเข้ายึดครองดินแดนของ
ชนชาวกรีกได้สำเร็จชาวโรมันได้ใช้การกีฬาประเภทนี้เป็นเครื่องทดสอบกำลังข้อ
มือและกำลังกาย ของผู้ชายในสมัยนั้น<br />
ต่อมาเมื่ออาณาจักรโรมันเข้ายึดครองดินแดนชาวโกลหรือประเทศฝรั่งเศสใน
ปัจจุบันชาวโรมันก็ได้นำเอาการเล่นลูกบูลประเภทนี้เข้าไปเผยแพร่ทางตอนใต้
ของประเทศฝรั่งเศส การเล่นลูกบูลจึงได้พัฒนาขึ้นโดย
เปลี่ยนมาใช้ไม้เนื้อแข็งถากเป็นรูปทรงกลมแล้วใช้ตะปูตอกรอบ ๆ
เพื่อเพิ่มน้ำหนักของลูกให้เหมาะ กับมือในยุคกลางประมาณ ค.ศ. 400-1000
การเล่นลูกบูลนี้จึงเป็นที่นิยมเล่นกันแพร่หลาย ในประเทศฝรั่งเศส
ครั้นพอสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
พระองค์ได้ทรงประกาศสงวนกีฬาการเล่นลูกบูลนี้ไว้สำหรับผู้สูงเกียรติ
และให้เล่นได้เฉพาะพระราชสำนักเท่านั้น <br />
ต่อมาในสมัยพระเจ้านโปเลียนมหาราชขึ้นครองอำนาจพระองค์
ได้ทรงประกาศใหม่ให้การเล่นลูกบูลนี้
เป็นกีฬาประจำชาติของฝรั่งเศสและเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วๆไป
ได้เล่นกันอย่างเสมอภาคทุกคน การเล่นลูกบูลนี้จึงได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
ตลอดมา เช่น โดยการนำเอาลูกปืนใหญ่ ที่ใช้แล้วมาเล่นกัน
บ้างอย่างสนุกสนาม และเพลิดเพลิน
จนมีการตั้งชื่อเกมกีฬาประเภทนี้ขึ้นมาเล่นอย่างมากมายต่างๆ กัน
เช่นบูลเบร-รอตรอง, บูลลิโย- เน่ส์, บูลเจอร์ เดอร์ลองและบลู-โปรวังซาล
เป็นต้น<br />
ในปลายศตวรรษที่ 19
ประเทศฝรั่งเศสก็ได้เป็นประเทศแรกของโลกที่ได้ออกกฎเกณฑ์ข้อบังคับกติกาการ
เล่นกีฬาลูกบูลโปรวังซาลขึ้น โดยให้วิ่ง 3 ก้าวก่อนโยนลูกบูล
การเล่นกีฬาประเภทนี้จึงเป็นที่นิยมเล่นกัน อย่างแพร่หลายทั่วไปในประเทศ
ฝรั่งเศส และมีการแข่งขันชิงแชมป์กันขึ้นโดยทั่วไป <br />
จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 ในปี ค.ศ. 1910 ตำบลซิโอต้าท์
เมืองท่ามาร์แชรด์
ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสการเล่นกีฬาลูกบูล-โปรวังซาลได้มีการเปลี่ยน
แปลงกติกาการเล่นขึ้นใหม่โดยนายจูลร์ เลอนัวร์ ซึ่งเป็น
ผู้มีฝีมือในการเล่นกีฬาลูกบูล-โปรวังซาลเก่งกาจที่สุดในขณะนั้น
และได้เป็นแชมป์โปรวังซาลในยุคนั้นด้วยแต่ได้ประสบอุบัติเหตุอย่างร้ายแรงจน
ขาทั้งสองข้างพิการเดินไม่ได้ไม่สามารถจะเล่นกีฬาโปรวังซาลเหมือนเดิมได้
ต้องนั่งรถเข็นดูเพื่อนๆ
เล่นกันอย่างสนุกสนานโดยที่ตนเองไม่มีโอกาสได้ร่วมเล่นเลย<br />
วันหนึ่งขณะที่นายจูลร์ เลอนัวร์
ได้นั่งรถเข็นมองดูเพื่อนๆ
เล่นเกมโปรวังซาลอย่างสนุกสนานอยู่นั้นน้องชายเห็นว่าพี่ชายมีอาการหงอยเหงา
เป็นอย่างมาก น้องชายของเขาจึงได้คิดดัดแปลงแก้ไขกติกา การเล่นขึ้นใหม่
โดยการขัดวงกลมลงบนพื้น แล้วให้ผู้เล่นเข้าไปยืนในวงกลม
ให้ขาทั้งสองยืนชิดติดกัน ไม่ต้องวิ่งเหมือนกีฬาโปรวังซาล
ทั้งนี้โดยมีเพื่อนๆ และญาติของนาย จูลร์ เลอนัวร์
ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ นายจูลร์ เลอนัวร์
จึงได้มีโอกาสร่วมเล่นกีฬาบูล-โปรวังซาล
ที่ดัดแปลงขึ้นใหม่นี้อย่างสนุกสนานและเพลิดเพลินเหมือนเดิม <br />
เกมกีฬาบูล-โปรวังซาล
ที่ดัดแปลงขึ้นใหม่นี้ได้กำหนดขึ้นโดยมีสมาชิกครั้งแรกประมาณ 50 คน
พวกเขาพยายามประชาสัมพันธ์เพื่อเผยแพร่เกมใหม่เป็นเวลาถึง 30 ปี
จึงได้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ หลังจากนั้นก็ได้แพร่หลายเข้าสู่นักกีฬา
นักการเมือง และข้าราชการประจำในราชสำนัก จนในที่สุดก็ได้มีการก่อตั้ง
"สหพันธ์เปตองและโปรวังซาล" ขึ้นในปี ค.ศ.- 1938
จากนั้นจำนวนสมาชิกก็เพิ่มขึ้นแสนๆ คน มีบุคคลทุกระดับชั้นทุกเพศ
ทุกวัยเข้าเป็นสมาชิก
ลูกบูลที่ใช้เล่นก็มีการคิดค้นทำเป็นลูกโลหะผสมเหล็กกล้า ข้างในกลวง
การเล่นจึงมีความสนุกสนานเร้าใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม <br />
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1945
การเล่นกีฬาลูกบูล-โปรวังซาลที่ได้ดัดแปลงแก้ไขใหม่นี้ได้รับความนิยมเล่น
มากขึ้น และได้แพร่หลายไปตามหัวเมืองต่างๆ อย่างรวดเร็วทั่วประเทศฝรั่งเศส
ตลอดจนถึงดินแดน อาณานิคมของฝรั่งเศสอีกด้วย
การเล่นกีฬาลูกบูลนี้ได้แบ่งแยกการเล่นออกได้เป็น 3 ประเภท คือ <br />
1. ลิโยเน่ล์<br />
2. โปรวังชาล (วิ่ง 3 ก้าวแล้วโยน)<br />
3. เปตอง (ที่นิยมเล่นในปัจจุบัน)<br />
กีฬาเปตองจัดแข่งขันชนะเลิศแห่งโลกขึ้น ครั้งแรก
เมื่อ ค.ศ.-1959 ที่เมืองสปา
ประเทศเบลเยียม นักเปตองจากประเทศฝรั่งเศสได้ครองตำแหน่งชนะเลิศ <br />
ปัจจุบันกีฬาเปตองเป็นที่นิยมเล่นกัน
อย่างแพร่หลายเกือบทุกประเทศในทวีปยุโรป อเมริกา และเอเชีย
สำหรับในประเทศในทวีปเอเชียประเทศไทยนับเป็นประเทศหนึ่งที่มีผู้นิยมเล่นกัน
อย่างแพร่หลายและกว้างขวาง มากในปัจจุบัน<br />
</div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-21404963041741812612012-08-30T18:57:00.000-07:002012-08-30T18:57:12.358-07:00เคล็ด(ไม่)ลับ สำหรับคนรักเปตองเทคนิคการเลือกลูกเปตอง <br />
<img height="134" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/about811.jpg" width="68" /> <img height="125" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/about812.jpg" width="134" /> <img height="109" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/about813.jpg" width="103" /> <img height="106" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/about814.jpg" width="106" /><br />
การเล่นกีฬาเปตอง อุปกรณ์ที่สำคัญที่สุด คือ
ลูกบูล (Boule) หรือ ลูกเปตอง เนื่องจากลูกเปตองแต่ละลูก
แต่ละประเภทมีความแตกต่างหลากหลายจะอธิบายได้ต่อไปนี้<br />
<br />
<strong>1. ขนาด</strong><br />
ขนาดของลูกเปตองตามกติกาสากลกำหนดนั้นมีเส้นผ่านศูนย์
กลางตั้งแต่ 70.05 มิลลิเมตร ไปจนถึง 80 มิลลิเมตร (ตามความจริงมีขนาด
71 - 80 มิลลิเมตร)
ขนาดของลูกเปตองที่แตกต่างกันย่อมเหมาะสมกับมือของแต่ละคนว่าใช้เปตองขนาดใด
โดยทั่วไปการเล่นลูกใหญ่กว่าจะได้เปรียบกว่าในการวัดคะแนน
อย่างไรก็ดีในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเล่นกันอยู่ที่ขนาด 71 หรือ 72
มิลลิเมตรซึ่งถือว่าเล็ก<br />
<br />
<strong>2. น้ำหนัก</strong><br />
ลูกเปตองที่มีน้ำหนักมากกว่าจะบังคับให้หยุดหรือไหลไป
ได้มากกว่า เนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก
ประกอบกับลูกเปตองที่หนักกว่าจะเคลื่อนที่บนพื้นได้ดีกว่าเนื่องจากน้ำหนัก
จะถ่วงไม่ให้ลูกกระโดดมากจนเกินไปเมื่อพบสิ่งกีดขวาง <br />
<br />
<strong>3. ลวดลาย</strong><br />
ลวดลายบนลูกเปตองมีความหลากหลาย ตั้งแต่ลูกเรียบ
ลูกลายเดี่ยว ลายคู่ ลายสาม จนไปถึงลายรังผึ้ง (ลายสิบ)
ทั้งรูปแบบของลวดลายก็มีความแตกต่างกันด้วย
ลวดลายของลูกเปตองจะช่วยในการควบคุมลูกเปตอง
ลูกที่มีลายมากกว่าจะเคลื่อนที่บนพื้นผิวสนามได้ดีกว่า
เรียกว่าเกาะสนามได้ดีกว่า และจะดูดมือกว่าลูกเรียบ<br />
<br />
<strong>4. ความแข็ง</strong><br />
ความแข็งของลูกเปตองนั้นหลัก ๆ
แยกได้เป็นแบบแข็งและอ่อน มีหน่วยเป็น กิโลกรัมต่อตารางมิลลิเมตร
ลูกที่มีความแข็งอยู่ที่ระดับ 110 kg/mm2 เรียกว่าลูกที่อ่อนหรือนิ่มมาก
เหมาะสมกับสภาพสนามที่แข็ง ลูกที่มีความแข็งอยู่ที่ระดับ 115 - 120
kg/mm2 เรียกว่าลูกกึ่งนิ่ม เหมาะสมกับสนามที่แข็งจนถึงเกือบแข็ง
ลูกที่มีความแข็งอยู่ที่ระดับ 130 - 140 kg/mm2 เรียกว่าลูกแข็ง
เหมาะสมกับสภาพสนามที่นิ่มเรียบ จนถึงกึ่งนิ่มกึ่งแข็ง<br />
<br />
การจะพิจารณาเลือกลูกเปตอง นอกจากให้มีความเหมาะสมกับสรีระของตนแล้ว ยังขึ้นอยู่กับตำแหน่งการเล่นของตนด้วย<br />
<br />
<strong>มือตี หรือ มือยิง </strong><br />
ควรเลือกลูกที่ขนาดใหญ่ (72 mm ขึ้นไป) น้ำหนักเบา (ไม่เกิน 690 g) ลวดลายน้อย (0 หรือ 1) และความแข็งน้อย<br />
<br />
<strong>มือวาง หรือ มือเข้า หรือมือเกาะ</strong><br />
ควรเลือกลูกที่มีขนาดเล็ก (71 - 72 mm) น้ำหนักมาก (690 g ขึ้นไป) ลวดลายมาก (1 ขึ้นไป) ความแข็งแล้วแต่สภาพสนาม<br />
<br />
เนื่องจากในการแข่งขัน นักกีฬาสามารถใช้ลูกเปตองของตนเองได้
ดังนั้นจึงควรมีลูกเป็นของตนเองเพื่อความเคยชินอย่างน้อย 1 ชุด (3 ลูก)
และควรเป็นลูกที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์เปตองนานาชาติ
(อ่านได้ในกติกาการเล่นเปตอง) ก่อนการเลือกซื้อลูกเปตองควรทำการศึกษาให้ดี
เนื่องจากลูกเปตองมีราคาค่อนข้างสูง (ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อ)
เพื่อเลือกลูกเปตองให้เหมาะสมกับตนเองที่สุด <br />
ยี่ห้อที่ใช้กันเป็นสากลและถือว่าได้มาตรฐานประกอบด้วย <br />
Obut (โอบุท)<br />
JB (เจบี)<br />
La Boule Noire<br />
Int?grale (อังเตกรัล)<br />
La Boule Bleu<br />
Okaro<br />
MS (เอ็มเอส)<br />
(เรียงตามลำดับความนิยม)<br />
<br />
ส่วนในประเทศไทยนิยมใช้ Obut มากที่สุด บ้างก็ใช้ Int?grale<br />
ระยะหลังมีการใช้ลูกยี่ห้อ La Franc Boule
(ลาฟรองค์บูล), FBT (เอฟบีที), Plus Tong (พลัส-ตอง) และ Marathon
(มาราธอน)
ซึ่งเหล่านี้มีราคาย่อมเยาว์กว่าโดยยี่ห้อที่กล่าวเพิ่มเติมนี้บางยี่ห้อทาง
สมาพันธ์เปตองแห่งประเทศไทยฯ อนุโลมให้ใช้ในการแข่งขันได้
แต่ในระดับสากลยังไม่ได้รับการรับรอง <br />
วิธีการจับลูกเปตอง <br />
การจับลูกส่วนใหญ่นักกีฬาเปตองที่เริ่มเล่นเปตองใหม่ๆ
โดยที่ไม่มีโค้ชลอยแนะนำหรือมีโค้ชก็แล้วแต่มักจะจับลูกเปตองตามความถนัดมิ
ได้จับลูกเปตองโดยหลักการ
บางคนก็โชคดีที่บังเอิญไปจับลูกถูกกับสรีระตัวเองเข้าก็เลยเล่นเปตองได้ดี
การจับลูกเปตองในลักษณะคว่ำมือนั้นมีอยู่ 4 วิธีด้วยกันคือ<u> </u><br />
1 จับลูกเปตองแบบ 4 นิ้ว
โดยไม่ใช้นิ้วโป้งสัมผัสกับลูก
การจับลูกในลักษณะนี้จะทำได้ดีก็ต่อเมื่อบุคคลผู้นั้นมีนิ้วที่ยาวและแข็ง
แรงที่สามารถจะจับลูกเปตองได้เกินครึ่งลูกขึ้นไป <br />
ถ้าบุคคลใดมิได้มีคุณสมบัติที่กล่าวมาในเบื้องต้นก็ให้ใช้แบบที่ 2 ต่อไป<br />
<div align="center">
<img border="1" height="138" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/hand1.jpg" width="174" /></div>
2 การจับลูกในลักษณะใช้นิ้วทั้ง 5 นิ้ว
สัมผัสลูกเปตองพร้อมๆ
กันการจับลูกเปตองในลักษณะนี้จะทำให้การจับเกิดการกระชับมากขึ้นกว่าแบบ
ที่1ก็เพราะว่านิ้วโป้งเป็นนิ้วที่แข็งแรงที่สุดเมื่อถูกนำมาใช้งานจะทำให้
บุคคลที่มีนิ้วมือที่สั้นและเล็กสามารถเล่นเปตองได้ดีขึ้น
การจับลักษณะนี้ให้นิ้วโป้งอยู่ใกล้นิ้วชี้ให้มากที่สุด<br />
<br />
<div align="center">
<img border="1" height="138" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/hand2.jpg" width="174" /></div>
3 การจับในแบบที่ 2
ถ้าผู้เล่นยังไม่สามารถที่จะเล่นเปตองได้ทุกระยะก็ให้หันมาจับแบบที่ 3
ต่อไป การจับแบบที่ 3
นี้ให้ผู้เล่นถ่างนิ้วโป้งออกมาให้อยู่ตรงข้ามกับนิ้วกลาง
หรือเรียกอีกแบบหนึ่งว่า<br />
จับแบบคีบการจับในลักษณะนี้จะใช้กำลังจากนิ้วโป้งเป็นหลัก<br />
<div align="center">
<img border="1" height="138" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/hand3.jpg" width="174" /></div>
4 การจับลูกในลักษณะของการขยุ่ม
การจับลักษณะนี้ผู้เล่นจะถ่ายนิ้วออกทุกนิ้วโดยไม่ให้นิ้วติดกันการจับแบบ
นี้จะใช้กับบุคคลที่มีนิ้วมือที่สั้น และมีมือที่เล็กมากๆ
ส่วนใหญ่แล้วจะใช้กับเด็กเล็กๆ <br />
เช่น เด็กอนุบาล หรือเด็กประถม เป็นต้น<br />
<div align="center">
<img border="1" height="138" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/hand4.jpg" width="174" /></div>
การบริหารร่างกายก่อนและหลังการฝึกก่อนการเล่น<strong> </strong><br />
การบริหารร่างกายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักกีฬาทุกคน
และต้องปฏิบัติเป็นประจำ ก่อนและหลังการฝึกซ้อมทุกครั้ง
เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้ระบบภายในต่าง ๆ ของร่างกายตื่นตัว
ระบบประสาทมีความฉับไวในการรับคำสั่งจากสมอง ไม่เกิดอาการเฉื่อยชา
ระบบการหายใจทำงานได้สะดวก หัวใจสูบฉีดโลหิตได้ดี ปอดมีการขยายตัว
ทำให้มีความจุของปอดทำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้เพียงพอ
นอกจากนั้นยังทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายยืดหยุ่น
แข็งแรงทนทานพร้อมที่จะเริ่มต้นฝึกซ้อมได้<br />
หลังการเล่น<br />
หลังการฝึกซ้อมทุกครั้ง ส่วนต่าง ๆ
ของร่างกายเกิดความตึงเครียด และเสียพลังงานไปเป็นจำนวนมาก
การบริหารร่างกายหลังการฝึกซ้อม เช่น บีบ นวด กด จับ ทุกสลับกันไป
จะเป็นการผ่อนคลายความตึงของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ไม่ให้เกิดความเมื่อยล้า
และนอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบภายในส่วนต่าง ๆ
ของร่างกายกลับสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุดAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-89569815602639196932012-08-30T18:56:00.001-07:002012-08-30T18:56:42.646-07:00วิธีการเล่นเปตอง <img height="320" id="il_fi" src="http://www1.port.co.th/pentanque/images/hand3.jpg" style="padding-bottom: 8px; padding-right: 8px; padding-top: 8px;" width="400" /><br />
<span style="font-size: 15px;"> ข้อ 1.
เปตองเป็นกีฬาที่เล่นได้กับสนามทุกสภาพ ยกเว้นพื้นคอนกรีตพื้นไม้
และพื้นดินที่มีหญ้าขึ้นสูง
โดยมีคณะกรรมการจัดการแข่งขันหรือผู้ตัดสินเป็นผู้กำหนด
ผู้เล่นทุกทีมต้องเล่นในสนามที่กำหนดให้สำหรับการแข่งขันชิงชนะเลิศระดับ
ชาติและนานาชาติสนามต้องมีขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 15 เมตร เป็นอย่างน้อย<br />
1.1 ส่วนการแข่งขันอื่น ๆ สมาคมฯ
อาจอนุโลมให้เปลี่ยนแปลงขนาดของสนามได้ตามความจำเป็นและความเหมาะสมแต่ต้อง
มีขนาดกว้าง 3.50 เมตร และยาว 13 เมตร เป็นอย่างน้อย<br /> 1.2
เกมหนึ่งกำหนดให้ใช้ 13 คะแนน สำหรับการแข่งขันในรอบแรกและรอบต่อ ๆ ไป
(จะใช้เพียง 11 คะแนนก็ได้)
สำหรับชิงชนะเลิศในระดับนานาชาติหรือแห่งชาติให้ใช้ 15 คะแนน<br /> ข้อ 2<br /> ผู้เล่นทุกคนต้องลงสู่สนามแข่งขันตามเวลาที่กำหนดให้และทำการเสี่ยงว่าฝ่าย ใดจะเป็นฝ่ายโยนลูกเป้า<br />
2.1
ผู้เล่นคนหนึ่งคนใดในทีมซึ่งเป็นฝ่ายชนะในการเสี่ยงเป็นผู้โยนลูกเป้าเมื่อ
เลือกจุกเริ่มแล้วให้เขียนวงกลมบนพื้นมีขนาดพอที่เท้าทั้งสองข้างเข้าไปยืน
อยู่ได้ (เส้นผ่าศูนย์กลาง ระหว่าง 0.35-0.50 เมตร)
วงกลมนั้นจะต้องห่างจากสิ่งกีดขวางต่าง ๆ และเส้นสนามไม่น้อยกว่า 1 เมตร
สำหรับการแข่งขันในสภาพสนามที่ไม่มีขอบเขตของสนามให้เขียนวงกลมห่างจากวงกลม
ของสนามอื่นไม่น้อยกว่า 2 เมตร<br /> 2.2
ผู้ที่เตรียมเล่นจะต้องอยู่ภายในวงกลมห้ามเหยียบเส้นรอบวง
ห้ามยกเท้าพ้นพื้น
และห้ามออกจากวงกลมก่อนที่ลูกเปตองจะตกลงพื้นส่วนอื่นร่างกายจะถูกพื้นนอกวง
กลมไม่ได้เว้นแต่คนขาพิการซึ่งได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้วางเท้าข้าง
เดียวในวงกลมได้
ส่วนนักกีฬาพิการที่ต้องนั่งรถเข็นให้ขีดวงกลมรอบล้อรถเข็นได้และที่วางเท้า
ของรถเข็นต้องให้อยู่สูงเหนือขอบวงกลม<br /> 2.3 ผู้เล่นคนหนึ่งคนใดในทีมซึ่งเป็นผู้โยนลูกเป้า ไม่บังคับว่าจะต้องเป็นผู้โยนลูกเปตองลูกแรกเสมอไป<br /> 2.4 ในกรณีที่สนามไม่ดี (ชำรุด) ห้ามผู้เล่นตกลงกันเองแข่งขันสนามอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสิน<br /> ข้อ 3.<br /> ลูกเป้าที่โยนไปแล้วถือว่าดีต้องมีกฎเกณฑ์ ดังนี้<br /> 3.1 มีระยะห่างระหว่างขอบวงกลมด้านใกล้ที่สุดถึงลูกเป้า<br /> ก. ไม่น้อยกว่า 4 เมตร และไม่เกิน 8 เมตร สำหรับเด็กเล็ก (อายุไม่เกิน 12 ปี)<br /> ข. ไม่น้อยกว่า 5 เมตร และไม่เกิน 9 เมตร สำหรับเด็กเล็ก (อายุไม่เกิน 13- 14 ปี)<br /> ค. ไม่น้อยกว่า 6 เมตร และไม่เกิน 10 เมตร สำหรับเยาวชน (อายุไม่เกิน 15- 17 ปี)<br /> ง. ไม่น้อยกว่า 6 เมตร และไม่เกิน 10 เมตร สำหรับผู้ใหญ่ (ไม่จำกัดอายุ)<br /> 3.2 วงกลมต้องอยู่ห่างจากสิ่งกีดขวางต่าง ๆ และเส้นเขตสนามหรือเส้นฟาล์วไม่น้อยกว่า 1 เมตร<br /> 3.3 ตำแหน่งลูกเป้าต้องอยู่ห่างจากสิ่งกีดขวางต่าง ๆ และเส้นเขตสนามไม่น้อยกว่า 1 เมตร<br />
3.4 ลูกเป้าจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
ขณะยืนตัวตรงอยู่ในวงกลม
(ถ้ามีการโต้แย้งในกรณีนี้ให้ผู้ตัดสินเป็นผู้ชี้ขาด) <br /> 3.5 การโยนลูกเป้าในเที่ยวต่อ ๆ ไป ให้เขียนวงกลมรอบตำแหน่งลูกเป้าที่อยู่ในเที่ยวที่แล้วเว้นแต่กรณีดังนี้<br />
ก. วงกลมมีระยะห่างจากสิ่งกีดขวางและเส้นสนามน้อยกว่า 1 เมตร ในกรณีนี้
ผู้เล่นต้องเขียนวงกลมให้ห่างจากสิ่งกีดขวางและเส้นเขตสนามที่กติกาได้กำหนด
ไว้<br /> ข. โยนลูกเป้าไม่ได้ระยะตามที่กติกากำหนดไว้
แม้จะโยนไปในทิศทางใดก็ตาม กรณีนี้ผู้เล่นสามารถถอยหลังได้ตามแนวตรง
(ตั้งฉาก) จากตำแหน่งเดิมของลูกเป้าในเที่ยวที่แล้ว
แต่ทั้งนี้วงกลมนั้นจะถอยหลังได้ไม่เกินระยะการโยน
ตามที่กติกากำหนดไว้โดยให้นับจากเส้นฟาล์ว (Dead Bal Line)
ด้านบนจนถึงเส้นขอบวงกลมด้านใกล้สุด<br /> - (ถ้าไม่มีเส้นฟาล์ว ให้นับจากเส้นสนามด้านบนจนถึงขอบวงกลม ไม่เกิน 11 เมตร)<br />
ค. ลูกเป้าที่อยู่ในระยะการโยนหรือเล่นได้
แต่ผู้เล่นฝ่ายที่มีสิทธิ์โยนลูกเป้าไม่ประสงค์จะเล่นในระยะนั้น ๆ
กรณีนี้ผู้เล่นสามารถถอยหลังตามแนวตรง (ตั้งฉาก)
จากตำแหน่งจากเดิมของลูกเป้าในเที่ยวที่แล้วได้ตามความพอใจ
แต่ทั้งนี้วงกลมนั้นจะถอยหลังได้ไม่เกินระยะการโยน
ตามที่กติกากำหนดไว้โดยให้นับจากเส้นฟาว์ล (Dead Bal Line)
ด้านบนจนถึงเส้นขอบวงกลมด้านใกล้สุด<br /> - (ถ้าไม่มีเส้นฟาล์ว ให้นับจากเส้นสนามด้านบนจนถึงขอบวงกลม ไม่เกิน 11 เมตร)<br />
ง. ผู้เล่นฝ่ายเดียวกันโยนลูกเป้าไปแล้ว 3 ครั้ง
ยังไม่ได้ดีตามกติกากำหนดจะต้องเปลี่ยนให้ผู้เล่นฝ่ายตรงกันข้ามเป็นผู้โยน
ซึ่งมีสิทธิ์โยนได้ 3 ครั้ง เช่นเดียวกัน
และอาจย้ายวงกลมถอยหลังได้ตามแนวตรง (ตั้งฉาก)
แต่ทั้งนี้วงกลมนั้นจะถอยหลังได้ไม่เกินระยะการโยน
ตามที่กติกากำหนดไว้โดยให้นับจากเส้นฟาล์ว (Dead Bal Line)
ด้านบนจนถึงเส้นขอบวงกลมด้านใกล้สุด
(ถ้าไม่มีเส้นฟาล์วให้นับจากเส้นสนามด้านบนจนถึงขอบวงกลม ไม่เกิน 11 เมตร)
วงกลมที่เขียนขึ้นใหม่นั้นจะเปลี่ยนแปลงอีกไม่ได้
แม้ว่าผู้เล่นของทีมหลังนี้จะโยนลูกเป้าไม่ดีทั้ง 3 ครั้ง ก็ตาม<br /> จ.
ถึงแม้ทีมที่โยนลูกเป้า 3 ครั้งแรกโยนได้ไม่ดีตามที่กติกากำหนดก็ตาม
แต่ทีมที่โยนลูกเป้าครั้งแรกนั้นยังมีสิทธิ์เป็นฝ่ายโยนลูกเปตองลูกแรกอยู่<br /> ข้อ 4.<br />
ลูกเป้าที่โยนไปแล้วถูกผู้ตัดสิน ผู้เล่น ผู้ดู
สัตว์หรือสิ่งที่เคลื่อนที่อื่น ๆ แล้วหยุด
ให้นำมาโยนใหม่โดยไม่นับรวมอยู่ในการโยน 3 ครั้งที่ได้กำหนดไว้<br /> 4.1
หลังจากการโยนลูกเป้าและลูกเปตองลูกแรกไปแล้วฝ่ายตรงกันข้ามยังมีสิทธิ์
ประท้วงว่าด้วยตำแหน่งของลูกเป้านั้นได้ ให้เริ่มโยนและลูกเปตองใหม่<br /> 4.2 ถ้าฝ่ายตรงกันข้ามได้โยนลูกเปตองไปด้วยแล้ว 1 ลูก ให้ถือว่าตำแหน่งลูกเป้านั้นดี และไม่มีสิทธิ์ประท้วงใด ๆ ทั้งสิ้น<br /> ข้อ 5.<br /> ลูกเป้าที่โยนไปแล้วถือว่าฟาล์ว มี 5 กรณีดังนี้<br /> 5.1 เมื่อลูกเป้าที่โยนไปแล้วไม่ได้ตำแหน่งที่ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในข้อ 7<br />
5.2 เมื่อลูกเป้าเคลื่อนที่ออกนอกเส้นฟาล์ว
แต่ลูกเป้าคาบเส้นยังถือว่าดี ลูกเป้าที่ถือว่าฟาล์ว
คือลูกเป้าที่ออกเส้นฟาล์วเท่านั้น<br /> 5.3
เมื่อลูกเป้าเคลื่อนที่ไปแล้ว
ผู้เล่นไม่สามารถมองเห็นจากวงกลมตามที่กำหนดไว้ในข้อ 7.4
แต่ถ้าลูกเป้าถูกลูกเปตองบังอยู่ไม่ถือว่าฟาล์ว
ทั้งผู้ตัดสินมีสิทธิ์ที่จะยกลูกเปตองที่บังอยู่ออกชั่วคราวเพื่อตรวจสอบว่า
ลูกเป้านั้นมองเห็นได้ชัดเจนหรือไม่<br /> 5.4 เมื่อลูกเป้าเคลื่อนที่ไป มีระยะห่างจากวงกลมเกินกว่า 20 เมตร หรือน้อยกว่า 3 เมตร<br /> 5.5 เมื่อลูกเป้าเคลื่อนที่ไปแล้ว หาไม่พบภายใน 5 นาที<br /> ข้อ 6.<br />
ก่อนหรือหลังการโยนลูกเป้า ห้ามผู้เล่นปรับพื้นที่หรือเคลื่อนย้ายสิ่งต่าง
ๆ เช่น กรวด หิน ดิน ทราย ใบไม้ ฯลฯ ในบริเวณสนามแข่งขันโดยเด็ดขาด
เว้นแต่ผู้เตรียมตัวจะลงเล่นเท่านั้นที่มีสิทธิ์ปรับสนามที่มีหลุมซึ่งเกิด
จากการโยนลูกเปตองของผู้เล่นคนที่แล้ว
และอาจใช้ลูกเปตองปรับหลุมนั้นได้ไม่เกิน 3 ครั้ง
ผู้เล่นที่ฝ่าฝืนกฎต้องลงโทษดังนี้<br /> 6.1 ถูกเตือน<br /> 6.2 ปรับลูกที่เล่นไปแล้วหรือลูกที่กำลังจะเล่นเป็นลูกฟาล์ว<br /> 6.3 ปรับเฉพาะผู้กระทำผิด ให้งดเล่น 1 เที่ยว<br /> 6.4 ปรับเป็นแพ้ทั้งทีม<br /> 6.5 ปรับให้แพ้ทั้ง 2 ทีม ถ้ากระทำผิดเหมือนกัน หรือสมรู้ร่วมคิดกัน<br /> ข้อ 7.<br /> ในระหว่างการเล่นแต่ละเที่ยว หากมีใบไม้ กระดาษหรือสิ่งอื่น ๆ มาบังลูกเป้าโดยบังเอิญให้เอาออกได้<br /> 7.1 เมื่อลูกเป้าหยุดนิ่งแล้วและเคลื่อนที่ไปใหม่โดยแรงลมพัดหรือจากการลาดเอียง ของพื้นสนาม จะต้องนำกลับมาวางที่ตำแหน่งเดิม<br />
7.2 เมื่อลูกเป้าเคลื่อนที่โดยอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นจากผู้ตัดสิน ผู้ดู
สัตว์ สิ่งเคลื่อนที่อื่น ๆ
รวมทั้งลูกเป้าหรือลูกเปตองที่เคลื่อนที่มาจากสนามอื่นให้นำลูกเป้านั้นมา
วางที่ตำแหน่งเดิม ทั้งนี้ต้องเครื่องหมายกำหนดจุดเดิมของลูกเป้า<br />
7.3 เพื่อหลีกเลี่ยงการประท้วงทั้งปวง
ผู้เล่นควรทำเครื่องหมายบนพื้นสนามตามตำแหน่งของลูกเป้าหรือลูกเปตองไว้มิ
ฉะนั้นจะไม่มีสิทธิ์ประท้วงใด ๆ ทั้งสิ้น <br /> 7.4 ลูกเป้าที่อยู่บนพื้นสนามซึ่งมีน้ำขังอยู่ถือว่าดี หากลูกเป้านั้นยังไม่ลอยน้ำ<br /> ข้อ 8.<br /> ในระหว่างการเล่นแต่ละเที่ยวหากลูกเป้าเคลื่อนที่ไปอยู่อีกสนามหนึ่ง ให้ถือว่าลูกเป้านั้นยังดีอยู่<br />
8.1 ถ้าสนามนั้นมีการแข่งขันอยู่
ฝ่ายที่ต้องใช้ลูกเป้านั้นจะต้องหยุดรอเพื่อคอยให้ผู้เล่นที่กำลังเล่นอยู่
ในสนามนั้นเล่นจบก่อน<br /> 8.2 ผู้เล่นที่มีปัญหาตามข้อ 12.1 จะต้องแสดงออกถึงความมีน้ำใจ ความอดทน และความเอื้ออารีต่อกัน<br /> ข้อ 9.<br /> ในระหว่างการเล่นแต่ละเที่ยว ถ้าลูกเป้าเกิดฟาล์วให้ปฏิบัติตามกฎข้อย่อยดังนี้<br /> 9.1 ถ้าผู้เล่นทั้งสองฝ่ายมีลูกเปตองเหลืออยู่ การเล่นเที่ยวนั้นถือว่าโมฆะ ต้องเริ่มเล่นใหม่ที่ด้านตรงข้าม<br />
9.2
ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีลูกเปตองเหลืออยู่เพียงฝ่ายเดียวฝ่ายนั้นจะได้คะแนน
เท่ากับจำนวนลูกเปตองที่เหลืออยู่โดยไม่ต้องเล่นและจะเริ่มเล่นใหม่ที่ด้าน
ตรงข้าม<br /> 9.3 ถ้าทั้งสองฝ่ายหมดลูกเปตองเหมือนกัน ให้เริ่มเล่นใหม่ที่ด้านตรงข้ามโดยให้ทีมที่คะแนนเที่ยวที่เป็นฝ่ายโยนลูก เป้า<br /> ข้อ 10.<br /> ลูกเป้าที่ถูกยิงแล้วเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งเดิม<br /> 10.1 ถ้าลูกเป้าที่ยิงแล้วเคลื่อนที่ไปถูกผู้ดูหรือผู้ตัดสินแล้วหยุด ให้ลูกเป้านั้นอยู่ในตำแหน่งใหม่<br />
10.2 ถ้าลูกเป้าที่ยิงแล้วเคลื่อนที่ไปถูกผู้เล่นคนหนึ่งคนใดแล้วหยุด
ฝ่ายตรงข้ามที่ทำให้ลูกเป้าหยุด มีสิทธิ์เลือกปฏิบัติตามกฎข้อย่อยดังนี้<br /> ก. ให้ลูกเป้าอยู่ในตำแหน่งใหม่<br /> ข. นำลูกเป้ามาวางที่ตำแหน่งเดิม<br />
ค.
วางลูกเป้าตามแนวยาวระหว่างตำแหน่งเดิมกับตำแหน่งใหม่แต่ต้องอยู่ใหม่แต่
ต้องอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้ในกติกาแล้วเริ่มเล่นต่อไปตามปกติ<br /> 10.3
กรณีตามข้อ 14.2 (ข) และ (ค)
จะกระทำได้ต่อเมื่อผู้เล่นได้ทำเครื่องหมายที่ตำแหน่งลูกเป้าไว้เท่านั้น
มิฉะนั้นจะต้องให้ลูกเป้าอยู่ในตำแหน่งใหม่<br /> ข้อ 11.<br />
ในระหว่างการเล่นแต่ละเที่ยวหากลูกเป้าเคลื่อนที่ไปอยู่ในสนามอื่นถือว่ายัง
ดีอยู่ ในเที่ยวต่อไปจะต้องมาเล่นที่สนามเดิมด้านตรงกันข้าม
แต่ต้องเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในกติกาข้อ 7</span>
Thank>http://www.corekeela.com/history-sport/id22.aspxAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-11032592269041986532012-08-30T18:52:00.002-07:002012-08-30T18:52:44.214-07:00กีฬาเปตองเบี้องต้น<span style="font-weight: bold;">กีฬาเปตองเบี้องต้น</span><br />
<span style="font-weight: bold;">ประวัติความเป็นมากีฬาเปตองในประเทศไทย</span><br />
กีฬาเปตองได้เริ่มเข้ามาในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2518
โดยการริเริ่มของนายจันทร์ โพยหาญ นำกีฬาเปตองเข้ามาเผยแพร่ให้คนรู้จัก
อย่างเป็นทางการคนแรก นายจันทร์ โพยหาญได้ร่วมกับนายศรีภูมิ สุขเนตร
ซึ่งเป็นอดีตนักเรียนเก่าฝรั่งเศส
ซึ่งมีความรู้ความสามารถในด้านกีฬาเปตองเป็นอย่างดี
ได้ร่วมกันจัดตั้งสมาคมเปตอง และโรปวังซาล แห่งประเทศไทย ขึ้นเมื่อวันที่
18 พฤศจิกายน 2519 โดยมีนายศรีภูมิ สุขเนตร
เป็นนายกสมาคมคนแรกเมื่อจัดตั้งสมาคมเรียบร้อยแล้ว
คณะกรรมการได้ช่วยกันรณรงค์เผยแพร่ และสาธิตการเล่นเปตองมาโดยตลอด
แต่ไม่ได้รับความสำเร็จเท่าที่ควร<br />
ต่อมาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชนนีทรงช่วยส่งเสริม
และเผยแพร่ให้อีกทางหนึ่ง
โดยทรงรับสั่งให้จัดการแข่งขันเปตองชิงชนะเลิศภาคตะวันออกเฉียงเหนือขึ้น
ซึ่งพระองค์ท่านและสมเด็จพระพี่นางเอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนาฯ
ทรงได้ลงร่วมทำการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย และอีกหลาย ๆ
รายการจึงให้สมญานามกีฬาเปตองว่า “กีฬาสมเด็จย่า” <br /> ใน พ.ศ. 2527
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
รับสมาคมเปตองและโปรวังซาล แห่งแระเทศไทย ไว้ในพระอุปถัมภ์ และวันที่ 22
เมษายน 2530 เปลี่ยนชื่อสมาคมเปตองฯ เป็นสหพันธ์เปตอง
แห่งประเทศไทยในพระอุปถัมภ์ สำนักงานตั้งอยู่ที่ 2088 อินเดอร์สเตเดี้ยม
หัวหมาก กรุงเทพฯ ปัจจุบันกีฬาเปตอง มีการบรรจุเข้าในการแข่งขันกีฬา
ของส่วนราชการต่าง ๆ รวมทั้งภาคเอกชนด้วย เช่น กีฬาแห่งชาติ
กีฬาเขตการศึกษา กีฬากองทัพไทย กีฬามหาวิทยาลัย กีฬาของกระทรวงต่าง ๆ
กีฬารัฐวิสาหกิจ เป็นต้น<br />
<span style="font-weight: bold;"> จุดเด่นของกีฬาเปตอง</span><br />1. เป็นพื้นฐานในการเล่นกีฬาประเภทอื่น ๆ ลักษณะของการเล่นเป็นการ เสริมสร้างแนวความคิด และสติปัญญาของผู้เล่น<br />2.
ในระหว่างการเล่นร่างกายจะได้รับการบริหารทุกส่วน
กล่าวได้ว่าในการเล่นเปตอง 6 เกมส์/วัน
จะต้องออกกำลังในการใช้ลูกบลูที่มีน้ำหนัก 680/700 กรัม ถึงประมาณ 200
ครั้ง ก้มขึ้นลงประมารณ 250 ครั้ง เดินไปมาในสนามประมาณ 3 กิโลเมตร<br />3. การเล่นกีฬาประเภทนี้ง่าย และสะดวก เล่นได้ทุกเวลาทั้งในร่ม และกลางแจ้ง สนามเดิน หญ้า และลูกรัง<br />
<span style="font-weight: bold;">ประโยชน์ของกีฬาเปตอง</span><br /><span style="font-weight: bold;">พัฒนาทางด้านร่างกาย</span><br />-
กำลังแขน ผู้เล่นจะฝึกการใช้กำลังทั้งนิ้วมือ ข้อมือ แขน ข้อศอก
และหัวไหล่ให้สัมพันธืกัน เพื่อการบังคับลูกให้ได้จังหวะ และระยะที่ต้องการ<br />-
กำลังขา ผู้เล่นจะต้องเดินไปเดินมาตามความยาวของสนามซึ่งมีขนาดยาว 15 เมตร
กว้าง 4 เมตร ลุกนั่ง เพื่อการวาง หรือเข้าลูกตลอดเวลาการเล่น<br />- สายตา
กีฬาเปตองช่วยให้เกิดการทำงานที่สัมพันธ์กันระหว่างสายตา และมือ
เนื่องจากต้องใช้สายตา กะระยะทาง พิจารณาแง่มุมต่าง ๆ ที่จะเข้าลูกตีลูก
เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพตามต้องการ<br /><br /><span style="font-weight: bold;"> พัฒนาการทางด้านสติปัญญา</span><br />-
กีฬาเปตองเป็นเกมการเล่นที่จำเป็นต้องอาศัยการคิด คาดคะเน
และการอ่านเกมในการเล่น อย่างจริงจัง คิดเกมรับเมื่อเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
และเกมรุกที่บังคับให้ฝ่ายตรงข้ามเล่นตามเกมที่เราวางไว้<br /><br /><span style="font-weight: bold;">พัฒนาการทางด้านจิตใจ</span><br />-
กีฬาเปตองมีทั้งเดี่ยว คู่ทีม
ผู้เล่นจะต้องเข้าใจถึงจิตใจของผู้ร่วมทีมเป็นอย่างดี มีการปรึกษาหารือกัน
ยอมรับความคิดของกัน และกัน แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้นำ และผู้ตามที่ดี
สมาธิเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งไม่ว่าเป้นการเล่นประการใด ๆ
ผู้เล่นจะต้องฝึกการวางเฉย ทำจิตให้สงบ ทำสมาธิให้ได้ ตั้งความหวังให้น้อย
กว่าความเป็นจริง ไม่วิตกกังวลเกินไป ไม่ท้อถอยในการเล่น
ไม่สนใจเสียงข่มขวัญ เสียงเชียร์ที่ดัง การสอนเกมการเล่นของฝ่ายตรงข้าม
เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้เกิดความกังวลสับสน จะมีผลต่อเกมการเล่น
ถ้าสมาธิไม่ดีพอ<br /><br /><span style="font-weight: bold;">การพัฒนาการทางด้านสังคม</span><br />-
กีฬาเปตอง เป็นกีฬาที่เล่นได้ไม่ยาก
จึงมีผู้นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายจะเห็นได้ว่าในหมู่บ้าน
หน่วยงานของรัฐและเอกชนได้จัดให้มีการแข่งขัน
เพื่อให้ผู้เล่นได้มาพบปะสังสรรค์ได้รู้จักและได้ร่วมสนุกกัน
นับเป็นการสร้างสังคมอันดีแก่นักกีฬา นอกจากนี้ยังลดปัญหาสารเสพติด
เนื่องจากคนหันมาเล่นกีฬาล่งผลให้ปัญหาอาชญากรรมลดลง<br />- ดังนั้นการเล่นกีฬาเปตองจำเป็นต้องรู้พื้นฐานของการเล่น การใช้เทคนิคทุกรูปแบบ<br /><br /><span style="font-weight: bold;">อุปกรณ์การเล่นเปตอง</span><br />1.
ลูกเปตอง (ลูกบูล) เป็นลูกทรงกลมด้านในกลวง
ทำด้วยโลหะมีเส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 71-76 ม. มีน้ำหนัก 350-800 กรัม
มีเครื่องหมายของโรงงานผู้ผลิต ตัวเลขแสดงน้ำหนัก
และเลขรหัสปรากฎอยู่บนลูกบูลอย่างชัดเจน หมายเหตุ :
ปัจจุบันประเทศไทยมีลูกเปตองที่ทำด้วย พลาสติกเรียกว่า “ลูกพลาสตอง” ผลิต
จำหน่าย โดยบริษัท มาราธอน มีขนาด น้ำหนัก มาตรฐาน
ใกล้เคียงกับลูกเปตองสามารถใช้เล่นฝึกซ้อม หรือแข่งขันได้ในบางรายการ<br />2. ลูกเป้า เป็นลูกทรงกลมทำด้วยไม้เนื้อแข็ง หรือพลาสติก มีเส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 25-35 ม.ม. ทาสีที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน<br />3.
สนามเล่น สามารถเล่นได้ทุกสนาม ที่มีด้านหน้าเรียบยาวตรงพอประมาณ
ขนาดของสนามกว้าง 4 เมตร ยาว 15 เมตร (ยกเว้นพื้นไม้ พื้นคอนกรีตลาดยาง)<br />
<span style="font-weight: bold;">ประเภทการเล่น</span><br />แบ่งประเภทการเล่นเป็น 3 ประเภท คือ<br />1. ประเภทเดี่ยว ใช้ลูกบูล 3 ลูก<br />2. ประเภทคู่ คู่ผสม ใช้ลูกบูลคนละ 3 ลูก<br />3. ประเภททีม ใช้ลูกบูลคนละ 2 ลูก<br />
<span style="font-weight: bold;">วิธีการเล่นเปตอง</span><br />แบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย ๆ ละเท่า ๆ กัน ให้ลูกบูลมีลวดลายต่างกัน<br />- เริ่มด้วยการเสี่ยง เพื่อตัดสินว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายได้เริ่มเล่นก่อน<br />-
ฝ่ายชนะเสื่ยงเริ่มเล่นคนใดคนหนึ่ง เลือกจุดเริ่มต้น
เขียนวงกลมบนพื้นสนามเส้นผ่านศูนย์กลาง ระหว่าง 35-50 ซม.
ห่างจากเส้นสนามได้น้อยกว่า 1 เมตร<br />- ฝ่ายชนะการเสี่ยงคนใดคนหนึ่งเข้าไปโยนลูกเป้าในสนาม ให้ห่างจากจุดเริ่มต้น ตามระยะดังนี้<br />- สำหรับเด็กเล็ก ไม่น้อยกว่า 4 เมตร ไม่เกิน 8 เมตร<br />- สำหรับเยาวชน ไม่น้อยกว่า 5 เมตร ไม่เกิน 9 เมตร<br />- สำหรับเยาวชน ไม่น้อยกว่า 6 เมตร ไม่เกิน 9 เมตร<br />- ผู้ใหญ่หรือทั่วไป ไม่น้อยกว่า 6 เมตร ไม่เกิน 10 เมตร<br /><br /><span style="font-weight: bold;">การบริหารร่างกายก่อนและหลังการฝึก</span><br /><span style="font-weight: bold;">ก่อนการเล่น </span><br />การ
บริหารร่างกายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักกีฬาทุกคน และต้องปฏิบัติเป็นประจำ
ก่อนและหลังการฝึกซ้อมทุกครั้ง เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้ระบบภายในต่าง ๆ
ของร่างกายตื่นตัว ระบบประสาทมีความฉับไวในการรับคำสั่งจากสมอง
ไม่เกิดอาการเฉื่อยชา ระบบการหายใจทำงานได้สะดวก หัวใจสูบฉีดโลหิตได้ดี
ปอดมีการขยายตัว ทำให้มีความจุของปอดทำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้เพียงพอ
นอกจากนั้นยังทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายยืดหยุ่น
แข็งแรงทนทานพร้อมที่จะเริ่มต้นฝึกซ้อมได้<br />
<span style="font-weight: bold;">หลังการเล่น</span><br />หลังการฝึกซ้อม
ทุกครั้ง ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเกิดความตึงเครียด
และเสียพลังงานไปเป็นจำนวนมาก การบริหารร่างกายหลังการฝึกซ้อม เช่น บีบ นวด
กด จับ ทุกสลับกันไป จะเป็นการผ่อนคลายความตึงของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ
ไม่ให้เกิดความเมื่อยล้า และนอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบภายในส่วนต่าง ๆ
ของร่างกายกลับสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุด<br /><br /><span style="font-weight: bold;">วิธีการจับลูกเปตอง</span><br />1. หงายมือวางลูกบูลลงไปในอุ้มมือในท่าที่สบาย (รูปที่1)<br />2. หรือคว่ำมือจับลูก (รูปที่2)<br />3. ทั้งนี้จะจับแบบใดก้ได้แต่ความถนัดของแต่ละบุคคล<br /><img alt="" border="0" src="http://www.trueplookpanya.com/data/product/media/KNOWLEDGE/picknowledge/Untitled-1_21.jpg" /><br />4.
ก่อนโยนลูกให้คว่ำมือลงดังรูปที่ 3,4,5,6
เหตุที่ต้องคว่ำมือเพราะจะสามารถบังคับลูกให้ไปตามทิศทางที่เราต้องการได้
ไม่ว่าลูกที่ปล่อยไปนั้นเป็นลูกเข้าหรือลูกตี<br /><img alt="" border="0" src="http://www.trueplookpanya.com/data/product/media/KNOWLEDGE/picknowledge/Untitled-2_19.jpg" /><br />5. ก่อนโยนให้หักข้อมือลง และม้วนเข้าหาข้อมือ ในจังหวะสุดท้าย ที่จะปล่อยลูกให้ใช้อุ้งมือส่งลูกออกไป โดยใช้ปลายนิ้วบังคับลูก<br />
<span style="font-weight: bold;">หลักการบังคับลูกเปตอง</span><br />นัก
เปตองที่ฝึกหัดใหม่ มักจะประสบปัญหาเกี่ยวกับการบังคับลูกเปตองอย่างมาก
สาเหตุอาจมาจากการฝึกที่ผิด หรือการไปจำวิธีการผู้อื่นแล้วนำมาฝึกอย่างผิด
โดยขาดการแนะนำ หรือจากการฝึกที่ฝืนธรรมชาติของตนเอง การฝึกการบังคับลูก
ไม่ว่าจะเป็นลูกเข้าหรือลูกตี ลูกหมุนซ้าย หมุนขวา หรือลูกสกรู
(ลูกหมุนกลับหลัง)
ปลายนิ้วมือและข้อมือมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการบังคับลูก<br />
<span style="font-weight: bold;">หลักการเข้าลูกบูล</span><br />การเข้าลูกบูล ถือเป็นหัวใจสำคัญของการเล่นเปตอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอสมควร มีหลักการเข้าลูกดังนี้<br />1. ใช้ความสังเกต และจดจำปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตนเอง และคู่ต่อสู่<br />2. ศึกาพื้นสภาพที่ใช้ฝึก หรือแข่งขัน ว่ามีสภาพเป็นเช่นไร แข็ง เรียบ ขรุขระ ฯลฯ<br />3. หาจุดตก เพื่อจะได้คำนวณน้ำหนักมือที่จะส่งลูก ให้พอเหมาะกับระยะ<br />4. ไม่ควรโยนลูกออกจากมือ ถ้าสมาธิยังไม่ดีพอ<br />
นอกเหนือจาก 4 ประการนี้แล้ว
สิ่งที่อาจทำให้การเข้าลูกไม่ดีเท่าที่ควรก็คือ
ลูกบูลน้ำหนักและมือไม่สมดุลกัน การเข้าลูกมี 2 ลักษณะ คือ นั่งกับยืน
ไม่ว่าจะเป็นการนั่งหรือยืน เท้าทั้งสองข้างจะต้องอยู่ในวงกลม ไม่เหยียบกัน
และไม่ยกเท้าในขณะโยนลูก<br />
ลักษณะการนั่งเข้าลูก นั่งบนส้นเท้า มีเท้านำ และเท้าตาม เขย่งส้นเท้าขึ้น และเท้าทั้งสองต้องอยู่ในวงกลมไม่เหยียบเส้น<br /><img alt="" border="0" src="http://www.trueplookpanya.com/data/product/media/KNOWLEDGE/picknowledge/Untitled-3_13.jpg" /> <br /><img alt="" border="0" src="http://www.trueplookpanya.com/data/product/media/KNOWLEDGE/picknowledge/Untitled-4_13.jpg" /><br /><span style="font-weight: bold;">ยืนเข้าแบบเท้าคู่</span><br />ลักษณะ
การยืนเข้า หรือการตีลูก ยืนเท้าคู่ หรือแบบมีเท้านำก็ได้แล้วแต่ความถนัด
ของแต่ละบุคคล แต่ถ้าถนัดโยนลูก , ตีลูก ด้วยมือขวา
ควรยืนเท้าขวานำเล็กน้อย เพื่อให้การทรงตัวมีฐานที่มั่นคง<br /><img alt="" border="0" src="http://www.trueplookpanya.com/data/product/media/KNOWLEDGE/picknowledge/Untitled-5_13.jpg" /><br />
<span style="font-weight: bold;">วิธีการเข้าลูก</span><br />วิธีการเข้าลูกมีอยู่ 3 แบบ คือ<br />1.
การโยนลูกระยะใกล้ (ลูกไลน์) การโยนลูกระยะใกล้ (ลูกไลน์)
เป็นการโยนลูกให้ตกตั้งแต่จุดโยนหรือไม่เกิน 3 เมตร จากจุดโยน
ใช้แรงเหวี่ยงจากแขน ข้อมือ และปลายนิ้วส่งลูก
ระยะทางที่ลูกบูลวิ่งเข้าหาเป้าจะมีระยะทางไกลทิศทางของลูกบูลอาจมีการ
เปลี่ยนแปลงได้ง่ายตามลักษณะของพื้นสนามการโยนลูกนี้เหมาะสำหรับสนามเรียบ
เท่านั้น<br /><img alt="" border="0" src="http://www.trueplookpanya.com/data/product/media/KNOWLEDGE/picknowledge/Untitled-7_8.jpg" /><br />2.
การโยนลูกระยะกลาง (ฮาฟดร๊อป) การโยนลูกระยะกลาง (ฮาฟดร๊อป)
เป็นการโยนลูกให้ตกเกือบกึ่งกลางระหว่างจุดเริ่มกับลูกเห้าต้องโยนลูกให้สูง
กว่าการโยนลูกระยะใกล้ และทุกลูกที่โยนออกไปต้องเป็นลูกที่หมุนกลับหลัง
(ลูกสกรู) ข้อสำคัญของการโยนลูกคือ จุดตก
การโยนลูกนี้เหมาะสำหรับพื้นสนามที่ไม่เรียบ เป็นหลุม พื้นสนามแข็ง ขระขระ
หรือ จุดตกของการปล่อยลูกระยะใกล้เป็นหลุมไม่สามารถหาจุดตกได้<br /><img alt="" border="0" src="http://www.trueplookpanya.com/data/product/media/KNOWLEDGE/picknowledge/Untitled-8_7.jpg" /><br />3.
การโยนลูกโด่ง (ดร๊อฟ) การโยนลูกโด่งต้องโยนให้สูงกว่าลูกระยะกลาง
และต้องให้ลูกหมุนกลับหลัง (สกรู) มากกว่า โดยใช้ปลายนิ้วสกรูลูก
ไม่ใช่เป็นการกระดกข้อมูล การโยนลูกนี้จุดตกมีความสำคัญมาก
ลูกนี้เหมาะสมกับพื้นสนามที่ไม่เรียบ เปียกแฉะ เป็นหลุมเป็นบ่อ
ต้องโยนให้เกือบถึงลูกเป้า ห่างจากลูกเป้า ประมาณ 50-100 ซม.
ทั้งนี้ต้องแล้วแต่พื้นสนาม
ในการแข่งขันระดับโลกส่วนใหญ่จะใช้โยนลูกลักษณะนี้
เพราะสนามแข่งขันเป็นหินเกร็ด<br /><img alt="" border="0" src="http://www.trueplookpanya.com/data/product/media/KNOWLEDGE/picknowledge/Untitled-9_6.jpg" /><br /><br /><span style="font-weight: bold;">วิธีการฝึกเข้าลูก</span><br /><span style="font-weight: bold;">วิธีที่ 1</span>
ให้เขียนวงกลมเป็นเป้าหมายซ้อนกันหลาย ๆ วง
วงในสุดมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 ซม. วงนอกต่อ ๆ มาห่างกันวงละ 10-15
ซม. กำหนดคะแนนวงในให้ 5 คะแนน วงต่อ ๆ มาเป็น 4,3,2,1 ตามลำดับ
แล้วฝึกเข้าลูกจากระยะ 6 เมตร 6,5,7,7.5 ไปเรื่อย ๆ จนถึง 11 เมตร
ฝึกโยนทุกระยะ ระยะละ 40-50 ลูก
แล้วจดบันทึกคะแนนแต่ละระยะไว้เพื่อเปรียบเทียบถึงความบกพร่อง
ระยะใดที่มีความบกพร่องมากก็ให้ฝึกระยะนั้นมากขึ้น<br /><img alt="" border="0" src="http://www.trueplookpanya.com/data/product/media/KNOWLEDGE/picknowledge/Untitled-10_3.jpg" /><br /><span style="font-weight: bold;">วิธีที่ 2</span>
ให้เขียนสี่เหลี่ยมมีลูกเป้าอยู่ในสี่เหลี่ยมในสุด ซึ่งมีรัศมี 20 ซม.
จากนั้นให้ทำสี่เหลี่ยมซ้อนไปเรื่อย ๆ เส้นห่าง 5-10 ซม. กำหนดคะแนน
5,4,3,2,1 ตามลำดับ
ในแต่ละเส้นล่างของสี่เหลี่ยมจะมีลูกบูลอยู่โดยวางแบบสลับฟันปลา
กำหนดจุดในการฝึกเหมือนวิธีที่ 1 ระยะใดบกพร่องก็ให้ฝึกระยะนั้นมาก ๆ <br /><img alt="" border="0" src="http://www.trueplookpanya.com/data/product/media/KNOWLEDGE/picknowledge/Untitled-11_3.jpg" /><br /><span style="font-weight: bold;">วิธีที่ 3</span> การฝึกเข้าเหมือนแบบที่ 1 แต่เพิ่มลูกบูลดักไว้ ถ้าเข้าถูกลูกบูลที่วางไว้ถือว่าฟาวล์ตองติดลบคะแนน ฝึกให้ชำนาญ<br /><img alt="" border="0" src="http://www.trueplookpanya.com/data/product/media/KNOWLEDGE/picknowledge/Untitled-6_10.jpg" /><br /><br /><span style="font-weight: bold;">วิธีการฝึกตีลูก</span><br />การ
ตีลูกเป็นส่วนสำคัญของการเล่นเปตองอีกประการหนึ่ง
เมื่อไม่สามารถเข้าลูกให้ชนะคู่ต่อสู้ได้
ต้องอาศัยการตีลูกเพื่อให้ลูกของคู่ต่อสู้ออกจากจุดที่ตั้งอยู่
ผู้เล่นที่ฝึกหัดใหม่มักเผชิญต่อความยากลำบากในการตีและบังคับลูก
สาเหตุอาจมาจากข้อบกพร่องดังนี้<br />1. ผู้เล่นจับลูกไม่ถูกวิธี และขาดสมาธิ<br />2. ผู้เล่นอาจตีลูกช้า หรือเร็วเกินไป<br />3. การประสานงานของแรงตีลูกไม่ถูกจังหวะ<br />4. การวางตัว และวางเท้าผิดจากความถนัดของตนเอง<br />5. แขนงอ หรือแกว่งขณะตีลูก<br />6. ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง<br />7. ขาดการฝึกซ้อมหรือเว้นระยะการฝึกซ้อมนานเกินไป<br />8. ลูกเปตอง (ลูกบูล) มีขนาดและน้ำหนักไม่สมดูลกัน<br />
แต่ถ้าผู้ฝึกพบว่าสาเหตุต่าง ๆ ของการตีเกิดขี้นเพราะสาเหตุใด
หรือหลายสาเหตุ ให้แก้ไขดัดแปลงวิธีการฝึกทีละขั้นแต่ต้องจับ และวางลำตัว
เท้าให้ถูกต้อง โดยอาศัยแรงจาก 3 แหล่งใหญ่ คือ<br />1. แรงตีที่เกิดจากการเหวี่ยงของแขน<br />2. แรงตีที่เกิดจากการดีดตวัดข้อมือและนิ้วมือ<br />3. แรงตีที่เกิดจากำลังขาทั้งสองข้าง โดยการย่อเข่าช่วยเล็กน้อย<br /><br /><span style="font-weight: bold;">วิธีการฝึกตีลูก</span><br /><span style="font-weight: bold;"> วิธีที่ 1</span>
การตีลูกเลียด (ตีไลน์) เป็นการตีลูกลักษณะเกี่ยวกับการเข้าลูกระยะใกล้
แต่ใช้ความแรงมากกว่า
และเหมาะสำหรับพื้นสนามเรียบเท่านั้นทิศทางของลูกที่ตีไปหาความแน่นอนไม่ได้
หากมีลูกของฝ่ายตรงข้ามหรือของตนขวางหน้า ก็ไม่สามารถตีลูกลักษณะนี้ได้<br />วิธีการฝึก<br />- หาจุดตกของลูก ซึ่งควรเป็นที่เรียบที่สุด<br />- จุดตกที่ดีไม่ควรห่างจากลูกที่จะตีเกิน 2 เมตร (ยิ่งจุดตกห่างลูกที่ตีมากมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้มาก)<br />- ก่อนที่จะตีลูกต้องมีสมาธิ และความเชื่อมั่นในตนเอง<br />- ฝึกการประสานงานของแรงที่ใช้ในการตี เช่น แขน มือ นิ้วมือ ข้อมือ และขาทั้งสองข้าง<br />- ฝึกอย่างสม่ำเสมอและจริงจริง<br /><span style="font-weight: bold;"> วิธีที่ 2</span>
การตีลูกถึงตัว (ตีเจาะ) การตีลูกนี้เหมาะกับสภาพสนามทุกรูปแบบ
และเป็นลูกที่นักกีฬาเปตองทั่วไปใช้กันมากที่สุด
เนื่องจากการฝึกตีลูกนี้หากตีได้อย่างแม่นยำ ลูกที่ต่ำไปถูกลูกคู่ต่อสู้
เป็นจังหวะเดียวกับลูกตกถูกพื้นพอดี ลูกที่ตีมีโอกาสอยู่แทนที่ได้ด้วย
การฝึกตีลูกนี้นักกีฬาไม่ต้องพะวงว่าจะมีลูกขวางหน้า<br />ท่าทางในการตีลูก<br />- ยืนในท่าที่ถนัดที่สุด แต่เท้าทั้งสองข้างต้องไม่เหยียบเส้น และอยูในวงกลม<br />- ตั้งลูกตามต้องการเพื่อฝึกตี<br />-
เริ่มฝึกตีจากระยะใกล้ ๆ ก่อน จาก 3 เมตร 4 เมตร 5 เมตร ต่อไปเรื่อย ๆ
จนถึงระยะ 12 เมตร แล้วจดสถิติไว้ทุกวัน ๆ เพื่อนำมาแก้ไขข้อบกพร่อง<br />-
ฝึกการประสานงานของแรงที่ใช้ในการตีลูกให้สัมพันธ์กันระหว่างการดีดตวัดข้อ
มือ นิ้วมือ และขาทั้งสองข้าง ระบบการหายใจก็มีส่วนสำคัญ
เกี่ยวกับกับการตีลูกมาก ควรจะได้มีการฝึกให้ประสานงานให้ดี<br />- ก่อนตีลูกจะต้องมีสมาธิ และความเชื่อมั่นในตัวเอง<br />- ฝึกอย่างสม่ำเสมอและจริงจังAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-43909775750031108302012-07-13T02:49:00.000-07:002012-07-13T02:49:20.047-07:00เปตอง : ประวัติกีฬาเปตอง<img alt="" src="http://www.tlcthai.com/sports/clip-vdo/wp-content/uploads/old_wb/headline51835.jpg" title="" /><br />
<strong>เปตอง : ประวัติกีฬาเปตอง</strong><br />
สันนิษฐาน ว่า<strong>กีฬาเปตอง</strong> เกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศกรีก
เมื่อประมาณ 2000 ปี ก่อนคริสตกาล
โดยใช้ก้อนหินทรงกลมโยนเล่นว่าใครจะโยนได้แม่นยำกว่ากัน
เมื่อโรมันครอบครองกรีกก็ได้รับเอาการเล่นกีฬาประเภทนี้ด้วย
และนำไปเผยแพร่ในฝรั่งเศสทางตอนใต้เมื่อกรีกเข้าครอบครองฝรั่งเศส
ในฝรั่งเศสการเล่นลูกบูลได้พัฒนาเป็นไม้เนื้อแข็งถากเป็นรูปทรงกลมแล้วใช้
ตะปูตอกรอบ ๆ เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้เหมาะมือ<br /> ค.ศ. 943 – 1543 การเล่นลูกบูลเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในประเทศฝรั่งเศส <br /> – พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงประกาศสงวนกีฬาการเล่นลูกบูลสำหรับผู้ สูงเกียรติและ เล่นได้เฉพาะในพระราชสำนักเท่านั้น <br /> – พระเจ้านโปเลียนทรงประกาศให้การเล่นลูกบูลเป็นกีฬาประจำชาติ ของประเทศฝรั่งเศส และให้ประชาชนเล่นได้อย่างเสมอภาค ประมาณปี<br /> พ.ศ. 2443 ฝรั่งเศสออกกฎเกณฑ์ข้อบังคับ กติกาการเล่นลูกบูลโปรวังซาล โดยให้วิ่ง 3 ก้าว ก่อนโยนลูกบูล<br />
พ.ศ. 2453 ณ ตำบลลาซิ-โอต้าท์ เมืองท่ามาร์แชลด์
ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส
ได้มีการเปลี่ยนแปลงการเล่นกีฬาลูกบูล-โปรวังซาล โดยไม่ต้องวิ่ง 3
ก้าวก่อนโยนลูกบูล แต่ให้ยืนโยนจากในวงกลม <br />
พ.ศ. 2481 – ก่อตั้งสหพันธ์เปตองและโปรวังซาล – ใช้ลูกบูลโลหะผสมเหล็กกล้า ข้างในกลวง <br /> พ.ศ. 2488 กีฬาลูกบูลโปรวังซาลแพร่หลายมากในฝรั่งเศสและอาณานิคมของ ฝรั่งเศส แบ่งการเล่นเป็น 3 ประเภท คือ <br />1. ลิโยเน่ส์ <br />2. โปรวังซาล (วิ่ง 3 ก้าว ก่อนโยนลูกบูล) <br />3. เปตอง คำว่า Petanque มาจากคำในภาษาฝรั่งเศสว่า บิเยส์-ตองเกร์ ซึ่งมีความหมายว่า ให้ยืนสองเท้าชิดติดกัน ต่อมาเปลี่ยนเป็น เปตอง <br />
<strong>ประวัติเปตองในประเทศไทย</strong><br />
เปตองเป็นกีฬากลางแจ้งประเภทหนึ่งซึ่งมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์
ประวัติที่แน่นอนไม่มีการบันทึกไว้ แต่มีหลักฐานจากการเล่าสืบต่อๆ กันมาว่า
กำเนิดขึ้นครั้งแรกในประเทศกรีซ เมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล
โดยเก็บก้อนหินที่เป็นทรงกลมจากภูเขาและใต้ทะเลมาเล่นกัน
ต่อมากีฬาประเภทนี้ได้แพร่หลายเข้ามาในทวีปยุโรป
เมื่ออาณาจักรโรมันครองอำนาจและเข้ายึดครองดินแดนของชนชาวกรีกได้สำเร็จ
ชาวโรมันได้ใช้การกีฬาประเภทนี้เป็นเครื่องทดสอบกำลังข้อมือและกำลังกายของ
ผู้ชายในสมัยนั้น<br />
ต่อมาเมื่ออาณาจักรโรมันเข้ายึดครองดินแดนชาวโกลหรือประเทศฝรั่เศสใน
ปัจจุบัน
ชาวโรมันก็ได้นำเอาการเล่นลูกบูลประเภทนี้เข้าไปเผยแพร่ทางตอนใต้ของประเทศ
ฝรั่งเศส
การเล่นลูกบูลจึงได้พัฒนาขึ้นโดยเปลี่ยนมาใช้ไม้เนื้อแข็งถากเป็นรูปทรงกลม
แล้วใช้ตะปูตอกรอบๆ เพื่อเพิ่มน้ำหนักของลูกให้เหมาะกับมือ<br />
ในยุคกลางประมาณ ค.ศ. 400-1000
การเล่นลูกบูลนี้จึงเป็นที่นิยมเล่นกันแพร่หลายในประเทศฝรั่งเศษ
ครั้นพอสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
พระองค์ได้ทรงประกาศสงวนกีฬาการเล่นลูกบูลนี้ไว้สำหรับผู้สูงเกียรติ
และให้เล่นได้เฉพาะพระราชสำนักเท่านั้น<br />
ต่อมาในสมัยพระเจ้านโปเลียนมหาราชขึ้นครองอำนาจพระองค์ได้ทรงประกาศใหม่
ให้การเล่นลูกบูลนี้เป็นกีฬาประจำชาติของฝรั่งเศสและเปิดโอกาสให้ประชาชน
ทั่วๆ ไป ได้เล่นกันอย่างเสมอภาคทุกคน
การเล่นลูกบูลนี้จึงได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ตลอดมา เช่น
โดยการนำเอาลูกปืนใหญ่ที่ใช้แล้วมาเล่นกันบ้างอย่างสนุกสนามและเพลิดเพลิน
จนมีการตั้งชื่อเกมกีฬาประเภทนี้ขึ้นมาเล่นอย่างมากมายต่างๆ กัน เช่น
บูลเบร-รอตรอง, บูลลิโยเน่ส์, บูลเจอร์ เดอร์ลอง และบลู-โปรวังซาล เป็นต้น<br />
ในปลายศตวรรษที่ 19
ประเทศฝรั่งเศสก็ได้เป็นประเทศแรกของโลกที่ได้ออกกฎเกณฑ์ข้อบังคับกติกาการ
เล่นกีฬาลูกบูลโปรวังซาลขึ้น โดยให้วิ่ง 3 ก้าวก่อนโยนลูกบูล
การเล่นกีฬาประเภทนี้จึงเป็นที่นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายทั่วไปในประเทศ
ฝรั่งเศส และมีการแข่งขันชิงแชมป์กันขึ้นโดยทั่วไป<br />
จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 ในปี ค.ศ. 1910 ตำบลซิโอต้าท์ เมืองท่ามาร์แชรด์
ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส การเล่นกีฬาลูก
บูล-โปรวังซาลได้มีการเปลี่ยนแปลงกติกาการเล่นขึ้นใหม่
โดยนายจูลร์-เลอนัวร์
ซึ่งเป็นผู้มีฝีมือในการเล่นกีฬาลูกบูล-โปรวังซาลเก่งกาจที่สุดในขณะนั้น
และได้เป็นแชมป์โปรวังซาลในยุคนั้นด้วยแต่ได้ประสบอุบัติเหตุอย่างร้ายแรงจน
ขาทั้งสองข้างพิการเดินไม่ได้ไม่สามารถจะเล่นกีฬาโปรวังซาลเหมือนเดิมได้
ต้องนั่งรถเข็นดูเพื่อนๆ เล่นกันอย่างสนุกสนาน
โดยที่ตนเองไม่มีโอกาสได้ร่วมเล่นเลย<br />
วันหนึ่งขณะที่นายจูลร์ เลอนัวร์ ได้นั่งรถเข็นมองดูเพื่อนๆ
เล่นเกมโปรวังซาลอย่างสนุกสนานอยู่นั้น
น้องชายเห็นว่าพี่ชายมีอาการหงอยเหงาเป็นอย่างมาก
น้องชายของเขาจึงได้คิดดัดแปลงแก้ไขกติกาการเล่นขึ้นใหม่
โดยการขัดวงกลมลงบนพื้น แล้วให้ผู้เล่นเข้าไปยืนในวงกลม
ให้ขาทั้งสองยืนชิดติดกัน ไม่ต้องวิ่งเหมือนกีฬาโปรวังซาล
ทั้งนี้โดยมีเพื่อนๆ และญาติของนาย จูลร์ เลอนัวร์
ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ นายจูลร์ เลอนัวร์
จึงได้มีโอกาสร่วมเล่นกีฬาบูล-โปรวังซาล
ที่ดัดแปลงขึ้นใหม่นี้อย่างสนุกสนามและเพลิดเพลินเหมือนเดิม<br />
เกมกีฬาบูล-โปรวังซาล
ที่ดัดแปลงขึ้นใหม่นี้ได้กำหนดขึ้นโดยมีสมาชิกครั้งแรกประมาณ 50 คน
พวกเขาพยายามประชาสัมพันธ์เพื่อเผยแพร่เกมใหม่เป็นเวลาถึง 30 ปี
จึงได้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ หลังจากนั้นก็ได้แพร่หลายเข้าสู่นักกีฬา
นักการเมือง และข้าราชการประจำในราชสำนัก จนในที่สุดก็ได้มีการก่อตั้ง
“สหพันธ์ เปตองและโปรวังซาล” ขึ้นในปี ค.ศ.- 1938
จากนั้นจำนวนสมาชิกก็เพิ่มขึ้นแสนๆ คน มีบุคคลทุกระดับชั้นทุกเพศ
ทุกวัยเข้าเป็นสมาชิก
ลูกบูลที่ใช้เล่นก็มีการคิดค้นทำเป็นลูกโลหะผสมเหล็กกล้า ข้างในกลวง
การเล่นจึงมีความสนุกสนานเร้าใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม<br />
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1945
การเล่นกีฬาลูกบูล-โปรวังซาลที่ได้ดัดแปลงแก้ไขใหม่นี้ได้รับความนิยมเล่น
มากขึ้น และได้แพร่หลายไปตามหัวเมืองต่างๆ อย่างรวดเร็วทั่วประเทศฝรั่งเศส
ตลอดจนถึงดินแดน อาณานิคมของฝรั่งเศสอีกด้วย
การเล่นกีฬาลูกบูลนี้ได้แบ่งแยกการเล่นออกได้เป็น 3 ประเภทคือ<br />
1. ลิโยเน่ล์<br />2. โปรวังชาล (วิ่ง 3 ก้าวแล้วโยน)<br />3. เปตอง (ที่นิยมเล่นในปัจจุบัน)<br />
กีฬาเปตองจัดแข่งขันชนะเลิศแห่งโลกขึ้นครั้งแรก เมื่อ ค.ศ.-1959
ที่เมืองสปา ประเทศเบลเยียม
นักเปตองจากประเทศฝรั่งเศสได้ครองตำแหน่งชนะเลิศ<br />
ปัจจุบันกีฬาเปตองเป็นที่นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายเกือบทุกประเทศในทวีป
ยุโรป อเมริกา และเอเชีย สำหรับในประเทศในทวีปเอเชีย
ประเทศไทยนับเป็นประเทศหนึ่งที่มีผู้นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายและกว้างขวาง
มากในปัจจุบัน<br />
cradit : การกีฬาแห่งประเทศไทยAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-57192100874035702692012-07-13T02:25:00.002-07:002012-07-13T02:25:49.547-07:00ตารางการแข่งขัน เปตองวัน รพี 2555<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg4gH5wvrmAf-JMj4JflCITcIx56lfw8eLvZYC3QOgrTUUdp-3NFtrmapREQ8BgCBFzi5yiHxtloLyMlOMbH3_6zWEr8ara2saFyHxceARXkd3s1BenRBo3GY4B4IGKHyg9YKDXGQbWeMIp/s1600/3802.jpg" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="120" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg4gH5wvrmAf-JMj4JflCITcIx56lfw8eLvZYC3QOgrTUUdp-3NFtrmapREQ8BgCBFzi5yiHxtloLyMlOMbH3_6zWEr8ara2saFyHxceARXkd3s1BenRBo3GY4B4IGKHyg9YKDXGQbWeMIp/s400/3802.jpg" width="120" /></a></div>
การแข่งขันกีฬาเปตอง วันรพี 55 เนื่องในวันรพีเพื่อเป็นการ
เชื่อมความสัมพันธ์ระห่วางหน่วยงาน ในกระบวนการยุติธรรม
ซึ่งการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ทางเรือนจำจังหวัดสงขลา<br />
เป็นผู้รับผิดชอบ จัดการแข่งขัน
โดยมีหน่วยงานราชการเข้าร่วมแข่งขันทั้งสิ้น 32 ทีม ทำการจับฉลาก
แบ่งสาย 8 สาย สาย ละ 4 ทีม ดังนี้<br />
<br />
<b>สาย A </b> <br />
1.บังคับคดี 1<br />
2.สถานพินิจ 2<br />
3.เรือนจำจังหวัด 1<br />
4.คุมประพฤติ 2<br />
<br />
<b>สาย B</b><br />
1.เรือนจำกลาง<br />
2.สนง.อธิบดีภาค 9 1<br />
3.เรือนจำจังหวัด 2<br />
4.ปปส<br />
<br />
<b>สาย C</b><br />
1.อัยการ 1<br />
2.ศาลแขวงสงขลา 1<br />
3.ศาลเยาวชนฯ 1<br />
4.xxxxxxxxxxx<br />
<br />
<b>สาย D </b><br />
1.กักขัง 1<br />
2.ศาลจังหวัดสงขลา 2<br />
3.ศูนย์ฝึกเด็กฯ 1<br />
4.สถานพินิจ 1<br />
<br />
<b>สาย E</b><br />
1.ศูนย์ฝึกเด็ก 2<br />
2.สนง.อธิบดีภาค9 2<br />
3.ศาลปกครอง 2<br />
4.ศาลจังหวัดสงขลา 1<br />
<br />
<b>สาย F</b><br />
1.บำบัดพิเศษ 2<br />
2.ทัณฑสถานหญิง 1<br />
3.คุมประพฤติ 1<br />
4.ศาลปกครอง 1<br />
<br />
<b>สาย G </b><br />
1.อัยการ 2<br />
2.ศาลแขวงสงขลา 2<br />
3.ทัณฑสถานหญิง 2<br />
4.กักขัง 2<br />
<br />
<b>สาย H </b><br />
1.บังคับคดี 2<br />
2.บำบัดพิเศษ 1<br />
3.ศาลเยาวชนฯ 2<br />
4.ศาลแรงงานภาค 9<br />
<br />
<b>ขอบคุณภาพ จาก</b> http://petanquesongkhla.blogspot.com/<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgzFYlUOS2_v9okvEWjwynPZW5DQAC4LtWmlQlqgGyM_t752cy3lTyv7q5S4c8ZyKGMISKsiZJawJkKS59aUpBDZQeNMmH54FhIY0OP8iVO6c2r4-26SmMyR2GI3ScPuzvLcYCFz5pzAwiD/s1600/d1.jpg" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="227" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgzFYlUOS2_v9okvEWjwynPZW5DQAC4LtWmlQlqgGyM_t752cy3lTyv7q5S4c8ZyKGMISKsiZJawJkKS59aUpBDZQeNMmH54FhIY0OP8iVO6c2r4-26SmMyR2GI3ScPuzvLcYCFz5pzAwiD/s400/d1.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjyjj4rEtSMUHlkV4NqsrHOG8fuOXVBgPcfxOsqRLskdhedJy94qJZNYd5du-2rWBWnpMI7dkRnd1hSa_X6PrSFoXCdTBSLSrCrRwC_xmFvKYr_d4mETE0uRMH-xpg-oUn4eCaXEr9yyrOO/s1600/d2.jpg" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="231" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjyjj4rEtSMUHlkV4NqsrHOG8fuOXVBgPcfxOsqRLskdhedJy94qJZNYd5du-2rWBWnpMI7dkRnd1hSa_X6PrSFoXCdTBSLSrCrRwC_xmFvKYr_d4mETE0uRMH-xpg-oUn4eCaXEr9yyrOO/s400/d2.jpg" width="400" /></a></div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-57070516891921458482011-01-31T01:29:00.000-08:002011-01-31T02:21:58.628-08:00สรุปผลการแข่งขันกีฬาเปตองสัมพันธ์สมานฉันท์การไกล่เกลี่ย PETANQUE SONGKHLA CHAMPIONSHIP 2010<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiBDioTwRXY3fNMCxeXNnXBMmUxHOdUNzEaLEann0nz4BTg5AB6BZxze37J1Rln9zG6i-NbwYcqbq-K2i8oVxHNgBfNX_dy8oEJJC-he4OkWueNmIEjAkqTN1f6eF21aWBAkYhBTEPI9h2L/s1600/2011-01-19.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="480" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiBDioTwRXY3fNMCxeXNnXBMmUxHOdUNzEaLEann0nz4BTg5AB6BZxze37J1Rln9zG6i-NbwYcqbq-K2i8oVxHNgBfNX_dy8oEJJC-he4OkWueNmIEjAkqTN1f6eF21aWBAkYhBTEPI9h2L/s640/2011-01-19.jpg" width="640" /></a></div><b>สรุปผลการแข่งขันกีฬาเปตองสัมพันธ์สมานฉันท์การไกล่เกลี่ย PETANQUE SONGKHLA CHAMPIONSHIP 2010</b><br />
<br />
<br />
<div class="MsoNormal" style="margin: 12pt 0cm 0.0001pt 54pt; text-align: justify; text-indent: -18pt;"><span lang="TH" style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;">-</span><span style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;"> <span lang="TH">รอบแรก มีทีมผู้ชนะมีคะแนนสูงสุดอันดับที่ ๑ ถึงที่ ๘ ในแต่ละสายผ่าน เข้ารอบรวม ๑๖ ทีม</span></span></div><div class="MsoNormal" style="margin-top: 12pt; text-align: justify; text-indent: 36pt;"><span lang="TH" style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;">- รอบที่สอง มีทีมผู้ชนะได้ผ่านเข้ารอบรวม ๘ ทีม</span><span style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="margin-top: 12pt; text-align: justify; text-indent: 36pt;"><span lang="TH" style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;">- รอบที่สาม มีทีมผู้ชนะได้ผ่านเข้ารอบรวม ๔ ทีม</span><span style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="margin: 12pt 0cm 0.0001pt 36pt; text-align: justify;"><span lang="TH" style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;">- รอบรองชนะเลิศ มีทีมผู้ชนะได้ผ่านเข้ารอบรวม ๒ ทีม</span><span style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="margin: 12pt 0cm 0.0001pt 54pt; text-align: justify; text-indent: -18pt;"><span style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;">-<span style="font: 7pt "Times New Roman";"> </span></span><b style="color: blue;"><span lang="TH" style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;">ทีมผู้ชนะเลิศ คือ ทีมอัยการ </span><span style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;">B <span lang="TH">ครองถ้วยรางวัลของท่านประธานศาลฎีกา</span></span></b></div><div class="MsoNormal" style="margin: 12pt 0cm 0.0001pt 54pt; text-align: justify; text-indent: -18pt;"><span style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;">-<span style="font: 7pt "Times New Roman";"> </span></span><b style="color: purple;"><span lang="TH" style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;">ทีมรองชนะเลิศอับดับ ๑ คือ ทีมเรือนจำกลางสงขลา </span><span style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;">B <span lang="TH">ครองถ้วยรางวัลของท่านอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๙</span></span></b></div><div class="MsoNormal" style="margin-top: 12pt; text-align: justify;"><span lang="TH" style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;"> - <b style="color: red;">ทีมรองชนะเลิศอันดับ ๒ คือ ทีมศาลจังหวัดสงขลา </b></span><b style="color: red;"><span style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;">B <span lang="TH">ครองถ้วยรางวัล </span></span></b></div><div class="MsoNormal" style="color: red; text-align: justify; text-indent: 54pt;"><b><span lang="TH" style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;">ของท่านผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสงขลา<br />
</span></b></div><div class="MsoNormal" style="color: #274e13; margin-left: 36pt; text-align: justify;"><span style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;">-<span style="font: 7pt "Times New Roman";"> </span></span><b><span lang="TH" style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;">ทีมรองชนะเลิศอันดับ ๓ คือ ทีมอัยการ </span><span style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;">A ครองถ้วยรางวัลของท่านเอนกชัย <span lang="TH">อารยะญาณ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลจังหวัดสงขลา</span></span></b></div><div class="MsoNormal" style="margin-top: 12pt; text-align: justify;"><span lang="TH" style="font-family: "TH SarabunPSK"; font-size: 20pt;"> </span></div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-84502616920724760242011-01-31T01:10:00.000-08:002011-01-31T01:10:46.309-08:0027/01/2554 งานเลี้ยง สังสรรค์ นักกีฬา เปตอง27/01/2554 งานเลี้ยง สังสรรค์ นักกีฬา เปตอง และ มอบถ้วยรางวัล จาก ประธานศาลฏีกา <div style="text-align: center;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjiB0L5bFl8rTx48lLjq6v9Hk7TIl2tGnihc9rq1Ttii5521lAhJJK1SzXRRUHhlPOvIIQhRuPHRc5b-h8fa5dCl0GsblIly4sCawnG2LMDt20By2SD8exkjhDZW5__QRklgR-W1rXJIvsQ/s1600/2011-01-27.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="480" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjiB0L5bFl8rTx48lLjq6v9Hk7TIl2tGnihc9rq1Ttii5521lAhJJK1SzXRRUHhlPOvIIQhRuPHRc5b-h8fa5dCl0GsblIly4sCawnG2LMDt20By2SD8exkjhDZW5__QRklgR-W1rXJIvsQ/s640/2011-01-27.jpg" width="640" /></a></div><div style="text-align: center;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgrAcd5SrvqVXjllT6FWE_dKeH659iGszZ6q-jtdx3uq35jOE0jlBSpb-ixYDayefxNsj5mVV2W2nJSM2TiYe1FNGrQn4e4L4uN6u3wQO6tpECboppuXhiQ8Ea7LwedKY3lQ89k6ArKB5S0/s1600/2011-01-271.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="480" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgrAcd5SrvqVXjllT6FWE_dKeH659iGszZ6q-jtdx3uq35jOE0jlBSpb-ixYDayefxNsj5mVV2W2nJSM2TiYe1FNGrQn4e4L4uN6u3wQO6tpECboppuXhiQ8Ea7LwedKY3lQ89k6ArKB5S0/s640/2011-01-271.jpg" width="640" /></a></div><div style="text-align: center;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQoCant5HleEwdm_HDikBthV7kD17zcclCuYiHY2giFe0KnYLlWgl8lF1WkefVSTjZyGN67CWJYWyRcQE3MZNoutM0o7_IENXS98kQ3PBhYUXrxJFhj9fasnjKqL4k7QZqbNRW0tpG4WUp/s1600/2011-01-272.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="480" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQoCant5HleEwdm_HDikBthV7kD17zcclCuYiHY2giFe0KnYLlWgl8lF1WkefVSTjZyGN67CWJYWyRcQE3MZNoutM0o7_IENXS98kQ3PBhYUXrxJFhj9fasnjKqL4k7QZqbNRW0tpG4WUp/s640/2011-01-272.jpg" width="640" /></a></div><div style="text-align: center;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjvsuiZwrOxC-OxKIqhlVPt8eHGtF07eZOE4yWMzRj-1wZqpyahOCk0FglwAOOvFq2qr60MwFLWOojWYes3SmLnrBwrr5Azx9l5wGmWGs_-x3ZvkgtiOKyB1SgCjwKABNH6W-O6VzhoyNap/s1600/%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="480" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjvsuiZwrOxC-OxKIqhlVPt8eHGtF07eZOE4yWMzRj-1wZqpyahOCk0FglwAOOvFq2qr60MwFLWOojWYes3SmLnrBwrr5Azx9l5wGmWGs_-x3ZvkgtiOKyB1SgCjwKABNH6W-O6VzhoyNap/s640/%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587.jpg" width="640" /></a></div><div style="text-align: center;">27/01/2554 งานเลี้ยง สังสรรค์ นักกีฬา เปตอง และ มอบถ้วยรางวัล จาก ประธานศาลฏีกา </div><div style="text-align: center;"><br />
</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-46671099634029026602011-01-31T00:47:00.000-08:002011-01-31T01:58:49.984-08:00Picture<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj2hUVsQZ5gA7QV8l6tDLwIscQGZvg_EalVjBM6r6FpPEqQnjJ_b3KqibAblZaiTYjhFdcKAipeU4D1zhqE-gmVhdxiL-ojNyusmoMEpvhHvG2kLVwCfdhEd0Mn-zmuC0IwyamPV7WrlGoh/s1600/petanque.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj2hUVsQZ5gA7QV8l6tDLwIscQGZvg_EalVjBM6r6FpPEqQnjJ_b3KqibAblZaiTYjhFdcKAipeU4D1zhqE-gmVhdxiL-ojNyusmoMEpvhHvG2kLVwCfdhEd0Mn-zmuC0IwyamPV7WrlGoh/s1600/petanque.jpg" /></a></div>Picture<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgzFYlUOS2_v9okvEWjwynPZW5DQAC4LtWmlQlqgGyM_t752cy3lTyv7q5S4c8ZyKGMISKsiZJawJkKS59aUpBDZQeNMmH54FhIY0OP8iVO6c2r4-26SmMyR2GI3ScPuzvLcYCFz5pzAwiD/s1600/d1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgzFYlUOS2_v9okvEWjwynPZW5DQAC4LtWmlQlqgGyM_t752cy3lTyv7q5S4c8ZyKGMISKsiZJawJkKS59aUpBDZQeNMmH54FhIY0OP8iVO6c2r4-26SmMyR2GI3ScPuzvLcYCFz5pzAwiD/s1600/d1.jpg" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjyjj4rEtSMUHlkV4NqsrHOG8fuOXVBgPcfxOsqRLskdhedJy94qJZNYd5du-2rWBWnpMI7dkRnd1hSa_X6PrSFoXCdTBSLSrCrRwC_xmFvKYr_d4mETE0uRMH-xpg-oUn4eCaXEr9yyrOO/s1600/d2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjyjj4rEtSMUHlkV4NqsrHOG8fuOXVBgPcfxOsqRLskdhedJy94qJZNYd5du-2rWBWnpMI7dkRnd1hSa_X6PrSFoXCdTBSLSrCrRwC_xmFvKYr_d4mETE0uRMH-xpg-oUn4eCaXEr9yyrOO/s1600/d2.jpg" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi-cLYDRK2rHDo72ov0NgikhIcDeDiZme4KYomp7Syy2LWZfsdc1F88oQl9PIxoCaT59BKuIyg4E-RCSOMgivhaTUEM04IOGdBlAFbsWys8Pzbn_x5Eg1b9Z0Vzjfw4InlKY6sTYksQ6P8h/s1600/d3.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi-cLYDRK2rHDo72ov0NgikhIcDeDiZme4KYomp7Syy2LWZfsdc1F88oQl9PIxoCaT59BKuIyg4E-RCSOMgivhaTUEM04IOGdBlAFbsWys8Pzbn_x5Eg1b9Z0Vzjfw4InlKY6sTYksQ6P8h/s1600/d3.jpg" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhjBJqzOjZkOiryffKEv22Pdr7zMq1Htq3_GDnW4dMIpLLpcAFo-tQs0uCaTVelB3xvM4wk9npl7FqWXLt1UOSW_41uRinMo2h4wbyRzgznMxyi9vuCybdfPZcDO77rzIOqOQDlMFSrKYa6/s1600/d4.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhjBJqzOjZkOiryffKEv22Pdr7zMq1Htq3_GDnW4dMIpLLpcAFo-tQs0uCaTVelB3xvM4wk9npl7FqWXLt1UOSW_41uRinMo2h4wbyRzgznMxyi9vuCybdfPZcDO77rzIOqOQDlMFSrKYa6/s1600/d4.jpg" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiik30XFx-7YifTs_LHF3DjzJdOONlKJqHwiDuDowmHkCjgwcnu60HfNm8pST8vgqIxkb60suZSnpSCA8AyCt72ujN-D4UdLwT8cmLh_TzxykC0e6F0ZuoHyGn8ylKNRDDVBWNYV80KC7x5/s1600/d5.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiik30XFx-7YifTs_LHF3DjzJdOONlKJqHwiDuDowmHkCjgwcnu60HfNm8pST8vgqIxkb60suZSnpSCA8AyCt72ujN-D4UdLwT8cmLh_TzxykC0e6F0ZuoHyGn8ylKNRDDVBWNYV80KC7x5/s1600/d5.jpg" /></a></div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-5410028004341817782011-01-13T23:47:00.000-08:002011-01-13T23:47:36.964-08:00ตารางการแบ่งสายกีฬาเปตองสัมพันธ์สมานฉันท์การไกล่เกลี่ย รอบสามตารางการแบ่งสายกีฬาเปตองสัมพันธ์สมานฉันท์การไกล่เกลี่ย รอบสาม<br />
----------------------------------------------------------------------------- <br />
ทีมที่ สาย A สาย B หมายเหตุ <br />
-------------------------------------------------------------------- <br />
1 อัยการ A ศาลจังหวัดสงขลา A <br />
2 ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ A อัยการ B <br />
3 ศาลจังหวัดสงขลา B ศาลเด็กและเยาวชนฯ B <br />
4 สนง.อธิบดีภาค 9 B เรือนจำกลางสงขลา B <br />
------------------------------------------------------------------------------------- <br />
วันที่แข่งขัน สาย สนาม คู่ที่ ระหว่างทีม ผลการแข่งขัน<br />
-------------------------------------------------------------------------------------- <br />
18-ม.ค.-54 B 1 1 ศาลจังหวัดสงขลา A อัยการ B <br />
2 2 ศาลเด็กและเยาวชนฯ B เรือนจำกลางสงขลา B <br />
1 3 ผู้ชนะคู่ที่ 1 ผู้ชนะคู่ที่ 2 <br />
2 4 ผู้แพ้คู่ที่ 1 ผู้แพ้คู่ที่ 2 <br />
1 5 ผู้แพ้คู่ที่ 3 ผู้ชนะคู่ที่ 4 <br />
--------------------------------------------------------------------------------------- <br />
19-ม.ค.-54 A 1 1 อัยการ A ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ A <br />
2 2 ศาลจังหวัดสงขลา B สนง.อธิบดีภาค 9 B <br />
1 3 ผู้ชนะคู่ที่ 1 ผู้ชนะคู่ที่ 2 <br />
2 4 ผู้แพ้คู่ที่ 1 ผู้แพ้คู่ที่ 2 <br />
1 5 ผู้แพ้คู่ที่ 3 ผู้ชนะคู่ที่ 4 <br />
--------------------------------------------------------------------------------------<br />
<br />
กติกาในรอบสาม - เหลือ 8 ทีม จับสลากแบ่งเป็น 2 สาย ทำการแข่งขันแพ้ชนะ 2 ใน 3 เกม <br />
เกมหนึ่งใช้ 11 คะแนน คัดเลือกให้เหลือสายละ 2 ทีม เพื่อเข้ารอบต่อไป <br />
- ผู้เล่นประกอบด้วยผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 1 คน แต่งกายสุภาพ สวมรองเท้าหุ้มส้น <br />
- เริ่มแข่งขันคู่ที่ 1 และคู่ที่ 2 ในแต่ละสายพร้อมกัน เวลา 17.00 นาฬิกา Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-10936602750660800542011-01-13T23:42:00.000-08:002011-01-13T23:45:09.012-08:00ตารางการแข่งขันกีฬาเปตองสัมพันธ์ สมานฉันท์การไกล่เกลี่ย รอบสอง<b> ตารางการแข่งขันกีฬาเปตองสัมพันธ์ สมานฉันท์การไกล่เกลี่ย รอบสอง <br />
==================================================<br />
วันที่แข่งขัน ระหว่างทีม ทีมชนะ <br />
==================================================</b><b> 11-ม.ค.-53</b><br />
<br />
<b></b><br />
<b>ที่ 1 1 ศาลเด็กและเยาวชนฯ A VS อัยการ A อัยการ A<br />
2 สนง.อธิบดีภาค 9 B VS เรือนจำจังหวัดสงขลา B สนง.อธิบดีภาค 9 B </b><br />
<b><br />
ที่ 2 1 เรือนจำกลางสงขลา A ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ A ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ A <br />
2 ตำรวจภูธรภาค 9 A ศาลจังหวัดสงขลา B ศาลจังหวัดสงขลา B <br />
<br />
================================================</b><b> 13-ม.ค.-53 </b><br />
<b><br />
ที่ 1 1 ศาลเด็กและเยาวชนฯ B ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ B ศาลเด็กและเยาวชนฯ B <br />
2 ศาลจังหวัดสงขลา A ด่านศุลกากร B ศาลจังหวัดสงขลา A <br />
<br />
ที่ 2 1 เรือนจำกลางสงขลา B ด่านศุลกากร A เรือนจำกลางสงขลา B <br />
2 เรือนจำจังหวัดสงขลา A อัยการ B อัยการ B <br />
</b><br />
<b></b><br />
<b></b><br />
<b><br />
===================================================<br />
<br />
กติกาในรอบสอง - เหลือ 16 ทีม จับสลากทำการแข่งขันแบบน้อตเอาท์ แพ้คัดออก <br />
แพ้ชนะ 2 ใน 3 เกม เกมส์หนึ่งใช้ 11 คะแนน คัดเลือกเหลือ 8 ทีม เพื่อเข้ารอบต่อไป <br />
- ผู้เล่นประกอบด้วยผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 1 คน แต่งกายสุภาพ สวมรองเท้าหุ้มส้น <br />
- เริ่มแข่งขันคู่ที่ 1 ในแต่ละวัน เวลา 17.00 นาฬิกา <br />
</b>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-83995265253047607652010-11-01T01:57:00.000-07:002010-11-01T01:57:20.382-07:00ถ้วยเปตอง Petanqueถ้วยเปตอง Petanque<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRwvolxwz96es-y-ypkANEb-GtXohzDZCf_tBD_XWykvLqcOGthojJyKsZx593zFS4Qik3BKuPMOuUFQ2q2pwBMtVOOQfEv4IjKLUMYUG07kgO1WTqg4zNv5QZaXxgnGvmD10ZpVdtHtbL/s1600/DSCF0971.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="480" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRwvolxwz96es-y-ypkANEb-GtXohzDZCf_tBD_XWykvLqcOGthojJyKsZx593zFS4Qik3BKuPMOuUFQ2q2pwBMtVOOQfEv4IjKLUMYUG07kgO1WTqg4zNv5QZaXxgnGvmD10ZpVdtHtbL/s640/DSCF0971.JPG" width="640" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgLmSDuJqDYULALF9rTQtAZHahUpzQDzGCDrtnedq_OojOfc0MkftkwWPbYb7LhfT7viBhh-mIzvXAEbk0qBx6AggpbUuCpD3JQVCPwiePRM8brol_AyeA2NNRlnsnZnDuu7bOybP_U6Ilp/s1600/DSCF0972.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="480" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgLmSDuJqDYULALF9rTQtAZHahUpzQDzGCDrtnedq_OojOfc0MkftkwWPbYb7LhfT7viBhh-mIzvXAEbk0qBx6AggpbUuCpD3JQVCPwiePRM8brol_AyeA2NNRlnsnZnDuu7bOybP_U6Ilp/s640/DSCF0972.JPG" width="640" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjdLiBNZSGGgmrvRBkKnzAgIdWLPv5fGx-fLR28kYoRZOVuay8ZfzYn1o-DJWrPD2R3VcX0MdHK2NjFgoYfOfKUoJjui183GiCcDcfmttku0LbSdVGz6y5L_PCiRE0EyoS4xLo-3iBz8pvc/s1600/DSCF0973.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjdLiBNZSGGgmrvRBkKnzAgIdWLPv5fGx-fLR28kYoRZOVuay8ZfzYn1o-DJWrPD2R3VcX0MdHK2NjFgoYfOfKUoJjui183GiCcDcfmttku0LbSdVGz6y5L_PCiRE0EyoS4xLo-3iBz8pvc/s640/DSCF0973.JPG" width="480" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjLf_gHmIf7ZyboqVPx8uDoF2dNjadTkwwOlaJSKG1nHaCNjGIQFaDcXyoqQDedf29JkUS_Myj7KXNAPSItV6v0vN-zWU1484TelRd-o2kFqQALHBw3cf3dBtq9vzWaHleAcRHUDxEgjkNt/s1600/DSCF0974.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="480" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjLf_gHmIf7ZyboqVPx8uDoF2dNjadTkwwOlaJSKG1nHaCNjGIQFaDcXyoqQDedf29JkUS_Myj7KXNAPSItV6v0vN-zWU1484TelRd-o2kFqQALHBw3cf3dBtq9vzWaHleAcRHUDxEgjkNt/s640/DSCF0974.JPG" width="640" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6puH9a4AwT4LAQ3bJ4xS8gaLXx7baATTgr7ZBzg8CodkgnJTELby5R7xuw5qPG9yLws5uKFeKv3vZRxv-BCKCNpofyvUKvTX5uzYHWhkPO1_E45V49VTKIGEfIZ5cIrroPZRFnIyPHR2z/s1600/DSCF0975.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6puH9a4AwT4LAQ3bJ4xS8gaLXx7baATTgr7ZBzg8CodkgnJTELby5R7xuw5qPG9yLws5uKFeKv3vZRxv-BCKCNpofyvUKvTX5uzYHWhkPO1_E45V49VTKIGEfIZ5cIrroPZRFnIyPHR2z/s640/DSCF0975.JPG" width="480" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgrWmrv1xMG8b5LoepI37QqzYQ0Jsu7QIghEqiLqscTy_RWqdHqbnNRq4HS2fN_aXiNV0NJPO9eHM7n8AYodXFqS6Y7GOQghpciW9OiN3j8T1vHoGXmaDeljCfKFqaQll5Fe91MXLAIU3o1/s1600/DSCF0976.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgrWmrv1xMG8b5LoepI37QqzYQ0Jsu7QIghEqiLqscTy_RWqdHqbnNRq4HS2fN_aXiNV0NJPO9eHM7n8AYodXFqS6Y7GOQghpciW9OiN3j8T1vHoGXmaDeljCfKFqaQll5Fe91MXLAIU3o1/s640/DSCF0976.JPG" width="480" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_uH1rgeATh8J8m7onq1kySphApAH_oIOOcxM9gC2MJvuhCHJxXhaqVfWnb-3N-9MMTvofuPmbGEo27TNJ4AKpZJC44cP7qpsLklGeIumu18A6FsWFWcc3BDZZQqASXDZObLtfGSCBAN_V/s1600/DSCF0977.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_uH1rgeATh8J8m7onq1kySphApAH_oIOOcxM9gC2MJvuhCHJxXhaqVfWnb-3N-9MMTvofuPmbGEo27TNJ4AKpZJC44cP7qpsLklGeIumu18A6FsWFWcc3BDZZQqASXDZObLtfGSCBAN_V/s640/DSCF0977.JPG" width="480" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjumUoWreKHWLz588Arg9Oo0gfNyChpleYTNT-GeaoqMRB0avA28HC-FucIvn-3MmpN1VicR9nCszH4LqIJnJ82Y6n7l6YaOqSTIr-qwo0Qvt_ASPiAvgUf47FXTVY9Ak0WigrdkjAXWpKv/s1600/DSCF0978.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjumUoWreKHWLz588Arg9Oo0gfNyChpleYTNT-GeaoqMRB0avA28HC-FucIvn-3MmpN1VicR9nCszH4LqIJnJ82Y6n7l6YaOqSTIr-qwo0Qvt_ASPiAvgUf47FXTVY9Ak0WigrdkjAXWpKv/s640/DSCF0978.JPG" width="480" /></a></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhs3hyphenhyphen4vvrB4FhqQusn8EymtfSzp7CH8UngmTSMHS6K1p3254BQPlXReDo7sH9dC58-WfzXvxsCQY_uSGW0Jwbt3OxYal2BEEN1zDx4wqTBkIQ1LUXSv-GQOmBg4KU35rH-I2vA2JLnAhyphenhyphenf/s1600/DSCF0979.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="480" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhs3hyphenhyphen4vvrB4FhqQusn8EymtfSzp7CH8UngmTSMHS6K1p3254BQPlXReDo7sH9dC58-WfzXvxsCQY_uSGW0Jwbt3OxYal2BEEN1zDx4wqTBkIQ1LUXSv-GQOmBg4KU35rH-I2vA2JLnAhyphenhyphenf/s640/DSCF0979.JPG" width="640" /></a></div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-39240253033778562762010-10-22T02:04:00.000-07:002010-10-22T02:05:12.929-07:00Update ผลการแข่งขัน วันพฤหัสบดี ที่ 21 ตุลาคม 2553<div style="color: red;">Update ผลการแข่งขัน วันพฤหัสบดี ที่ 21 ตุลาคม 2553 </div><div style="color: red;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi2R6kYyHxn4i0furR6WE6lVYSIsiH1H-NL9V0raFx3I60rgcjqry_pnbaci1_Mb4ykOmw1HTCQv0iyZZfgcIaqSDrEAlcFCQw1q9fmjszVkIN5uKt097SC75OZ9w556lISer__7qXAZG9e/s1600/DSC01476.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi2R6kYyHxn4i0furR6WE6lVYSIsiH1H-NL9V0raFx3I60rgcjqry_pnbaci1_Mb4ykOmw1HTCQv0iyZZfgcIaqSDrEAlcFCQw1q9fmjszVkIN5uKt097SC75OZ9w556lISer__7qXAZG9e/s640/DSC01476.jpg" width="620" /></a></div><div style="color: red;"><br />
</div>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-76007191443671705952010-10-22T01:52:00.000-07:002010-10-22T01:52:17.257-07:00ทีมศาลปกครองสงขลา เปตอง League.Songkhla Courtทำเนียบรายชื่อนักกีฬาเปตอง<br />
<br />
<br />
ทีมศาลปกครองสงขลา<br />
<br />
<br />
ทีม A <br />
<br />
1.จ่าเอกภาสวัฒน์ แสนสุด <br />
2.นายเสถียร คงทอง <br />
3.พันจ่าเอกสำราญ ทองขำดี <br />
4.นางสาวปรีญานุช ชูพรหม <br />
5.นางสาวปัทมพร นาทอง <br />
<br />
ทีม B<br />
<br />
1.นายคมกฤช ถิระโชติ<br />
2.นายไพโรจน์ เดชสงค์<br />
3.นายชวลิต ชูผล<br />
4.นางสาวนิชูรายา มะติง<br />
5.นางสาวเพ็ญรัตน์ จันทรมโนAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-90159556904533219782010-10-22T01:50:00.001-07:002010-10-22T01:50:43.763-07:00ทีมเรือนจำกลางสงขลา เปตอง League.Songkhla Courtทำเนียบรายชื่อนักกีฬาเปตอง<br />
<br />
ทีมเรือนจำกลางสงขลา<br />
<br />
<br />
ทีม A <br />
1. นายนฤทธิ์ ทิพยสิทธิ์ <br />
2.นายไชยยุทธ แก้วสุวรรณ <br />
3.นางสาวพรรณทิพา โชโต <br />
<br />
ทีม B<br />
<br />
1.นายสมศักดิ์ แรกจำนง<br />
2.นายประสาร จงเจริญ<br />
3.นางสาวเพ็ญประภา นิลโมทย์Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2824471092553821543.post-9176620721908036312010-10-22T01:49:00.000-07:002010-10-22T01:49:28.576-07:00ทีมศาลแขวงสงขลา เปตอง League.Songkhla Courtทำเนียบรายชื่อนักกีฬาเปตอง<br />
<br />
ทีมศาลแขวงสงขลา<br />
<br />
<br />
ทีม A <br />
<br />
1.นายระพินทร์ สมทรง <br />
2.นางสาวนงลักษณ์ รังสีสว่าง <br />
3.นางสุพิศ บุญส่ง <br />
4.นายไมตรี เตชวันโต <br />
5.นายอรรถสิทธิ์ ธารพระจันทร์ <br />
<br />
<br />
ทีม B<br />
<br />
1. นางกาญจนา ขวัญแก้ว<br />
2. นางขวัญจิต กล่ำเจริญ<br />
3.นายวีระศักดิ์ แสงอรุณ<br />
4.นายธวัชชัย อิสระ<br />
5.นางเมธี ตรีสุวรรณAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/13399787212752140106noreply@blogger.com0